ภาพงานบวงสรวง ไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
วันเสาร์ที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๘
(เครดิตข้อมูลและภาพของเว็บวัดท่าขนุน http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4650)
พิธีนี้ทางร้านนำวัตถุมงคลหลายรายการเข้าร่วมพิธีเพื่อพุทธาภิเษกเสริมพุทธคุณ เพื่อเป็นพุทธานุสติและสิริมงคลแก่ผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของทางร้านไปด้วยค่ะ
พระอาจารย์กล่าวว่า
....เนื่องจากว่าทางวัดไม่ได้ออกวัตถุมงคลในพิธีนี้ เนื่องจากว่าออกไปเยอะจนญาติโยมร้องกันเอ็ดตะโรแล้ว จึงไม่ได้จัดพุทธาภิเษกอย่างเป็นทางการ แต่ขอให้ทุกท่านทราบว่า ตั้งแต่สมัยหลวงปู่ปานวัดบางนมโคก็ดี หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุงก็ดี การเป่ายันต์เกราะเพชรถือว่าเป็นการพุทธาภิเษกวัตถุมงคลไปในตัวอยู่แล้ว ดังนั้นถ้ามีท่านใดนำวัตถุมงคลมา ก็ให้ถือตามแบบอย่างของหลวงปู่หลวงพ่อท่าน ก็คือถึงเวลาก็นำเอาห่อผ้าขาวซึ่งบรรจุวัตถุมงคลของเราวางบนตัก อาราธนาขอบารมีพระที่สงเคราะห์ยันต์เกราะเพชรให้พุทธาภิเษกวัตถุมงคลของเราไปด้วย ถึงแม้ว่าทางวัดไม่ได้ออกวัตถุมงคลในรุ่นนี้ แต่ทางด้านหลวงพ่อนิล จากอาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนครท่านทำวัตถุมงคลรูปหลวงปู่ใหญ่โลกอุดรนำมาเข้าพิธี แล้วของทางวัดอาตมาก็มีเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ซึ่งจะเอาไว้แจกในงานฉลองพระอุปัชฌาย์ปีหน้า ได้เข้าพิธีเสาร์ห้ามา ๑ ครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ และจะมีครั้งที่ ๓
ครั้งหน้า คาดว่าคงจะพุทธาภิเษกสัก ๓ เสาร์ห้าแล้วจึงจะปล่อยให้บูชากันเมื่อถึงเวลาปีหน้า ถ้าใครมางานฉลองพระอุปัชฌาย์ของอาตมาก็จะมีวัตถุมงคลคือเหรียญเลื่อนสมณศักดิ์ ซึ่งถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าพุทธาภิเษกไปรอบหนึ่งแล้ว เพราะแอบทำเงียบ ๆ เนื่องจากระยะหลังนี้มีผู้ที่หากินกับวัดท่าขนุนโดยตรง ออกวัตถุมงคลเลียนแบบกันมาก สร้างความสับสนให้แก่ญาติโยมภายในเว็บ อาตมาจึง
ต้องแอบทำเงียบ ๆ ไม่มีใครรู้ว่ารูปแบบหน้าตาเป็นอย่างไร จนกว่าวันที่วัตถุมงคลออกจำหน่าย เพราะจนป่านนี้อาตมาก็ยังไม่ได้เปิดลังดู ไม่ต้องถามอาตมาด้วยว่าวัตถุมงคลหน้าตาเป็นอย่างไร ขนาดลังยังไม่ได้เปิด คาดว่าเสกสัก ๓ เสาร์ห้า ลังน่าจะขลังกว่าวัตถุมงคลอื่น ๆ ถึงเวลาเราก็เอาลังไปเลี่ยมห้อยคอได้...!
_________
การบวงสรวงครั้งนี้เป็นการไหว้ครูประจำปีตามสายกรรมฐานของเรา ตั้งแต่ที่อาตมาพอจะสืบความได้ ยุคหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคก็ดี ยุคหลวงพ่อฤๅษีวัดท่าซุงก็ดี ท่านใช้วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเป็นวันไหว้ครูตามสายกรรมฐานของเรา ถ้าหากวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำติดภารกิจใด ๆ ก็ตาม ให้ไหว้ครูในวันวิสาขบูชา ถ้าวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำและวันวิสาขบูชาติดภารกิจให้จัดงานไหว้ครูในวันมาฆบูชา นอกเหนือจาก ๓ วันนี้แล้วห้ามทำการไหว้ครูในวันอื่น ๆ
__________________
ธูปเทียนที่ใช้ในงานเป่ายันต์เกราะเพชรอย่าทิ้ง เท่ากับเป็นวัตถุมงคลอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะที่ผ่าน ๆ มามีอานุภาพเหมือนกับมีดหมอ ถ้าผีเจ้าเข้าสิงที่ใด ใช้ธูปหรือเทียนอาราธนาจี้ลงไปผีจะออกทันที แต่อาตมาไม่ได้ใช้แบบนั้น สมัยฆราวาส ถึงเวลาจำเป็นอะไรขึ้นมา อาตมาจะใช้ธูปเทียนที่รับยันต์เกราะเพชรนี่จุดอธิษฐานขอ แหม...รู้สึกว่าขลังมาก ต้องการจะให้ท่านช่วยเรื่องใด รู้สึกว่าจะติดต่อได้ดีเหลือเกิน
__________________
ญาติโยมทั้งหลาย วันนี้ท่านทั้งหลายตั้งใจมารับยันต์เกราะเพชร โปรดทราบว่า ยันต์เกราะเพชรนั้นคือบารมีของพระพุทธเจ้า การเป่ายันต์เกราะเพชรเป็นวิชาการความรู้ที่มีมาในตำราพระร่วง สืบทอดมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ในสมัยกรุงสุโขทัยใช้ธงมหาพิชัยสงครามเป็นธงนำทัพ อานุภาพของธงมหาพิชัยสงครามท่านกล่าวไว้ว่า “แม้แต่ถือด้ามธงเปล่า ๆ เข้าป่าไปก็ไม่มีวันอดตาย” ไม่ทราบเหมือนกันว่ากินด้ามธงแทนอาหารได้หรือเปล่า ?
ยันต์เกราะเพชรนั้น ก็คือ บทอิติปิ โสฯ ที่อยู่บริเวณคอธงมหาพิชัยสงคราม โบราณาจารย์ท่านนำมาเขียนลงลักษณะเดียวกับตัวหนังสือจีน แบ่งออกเป็น ๗ บท ๘ แถว ครบทั้ง ๕๖ อักขระพุทธคุณพอดี แล้วทำการชักสูตร สำเร็จออกมาเป็นยันต์เกราะเพชรการที่จ ะทำพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรได้ จะต้องเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเท่านั้น วันอื่นไม่สามารถที่จะเป่ายันต์เกราะเพชรได้ ถ้าญาติโยมได้ยินที่ไหนเป่ายันต์เกราะเพชรวันเสาร์-อาทิตย์บ้าง วันพฤหัสบดีบ้าง หรือเป่าทุกวันที่ญาติโยมไปหาบ้าง ขอให้รู้ว่าไม่ใช่ศิษย์สายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค แม้ว่าจะแอบอ้างอย่างไรก็ตาม ขอให้โยมโปรดทราบว่า หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค มรณภาพไปในปี ๒๔๘๑ ท่านใดที่บอกว่าเรียนวิชากับหลวงปู่ปานมา เราต้องดูว่าเขาอายุเท่าไร ?
ตั้งแต่หลวงปู่ปานมรณภาพมาจนถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา ๗๘ ปีเต็ม ๆ แล้ว ถ้าบุคคลคนนั้นอายุ ๗๘ ปี แปลว่าต้องฝึกวิชาจากหลวงปู่ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ปัจจุบันนี้มีการแอบอ้างหลวงปู่ปานกันเยอะมาก ทำให้ญาติโยมที่ไม่รู้ความจริงหรือว่าลืมฉุกใจคิด หลงเชื่อไปรับยันต์เกราะเพชร ซึ่งอยู่ในลักษณะที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักวิชาการที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนมา ซึ่งอาตมาก็ไม่แน่ใจว่ารับไปแล้วจะมีผลจริงหรือไม่?
การเป่ายันต์เกราะเพชรไม่ใช่เป่าทีละคน แต่เป็นการอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ช่วยสงเคราะห์ จึงเป่ากันทีละศาลา..! สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค จัดงาน เรือแพหน้าวัดแน่นจนกระทั่งเดินข้ามแม่น้ำได้
สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงจัดงานเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งแรก วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๕ ศาลาพระพินิจอักษร ต้องใช้ในการเป่ายันต์เกราะเพชรถึง ๖ รอบ พอมาปี ๒๕๒๖ วันที่ ๑๓ สิงหาคม จัดเป่ายันต์เกราะเพชรที่ศาลา ๒ ไร่ ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ ปรากฏว่าคนแน่นพอ ๆ กับศาลาหลังนี้ พอเป่ายันต์ครั้งที่ ๓ วันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ ศาลา ๒ ไร่พัง..! ญาติโยมเบียดเสียดเยียดยัดกันเข้าไปจนประตูยืดหลุดปลิวกระเด็นไปทั้งชุดเลย ..!หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านจึงต้องขยายเป็นศาลา ๔ ไร่ ศาลา ๖ ไร่ และศาลา ๑๒ ไร่ แต่ก็ยังไม่พอใช้งาน ขนาดศาลากว้าง ๑๒ ไร่ต้องเป่ายันต์ประมาณ ๒ รอบคนถึงจะบางลง
อานุภาพของยันต์เกราะเพชรนั้น ผู้รับยันต์ไปแล้วถ้ารักษาเอาไว้ได้ ข้อที่ ๑ จะไม่ตายโหง แปลว่าการตายด้วยอุบัติเหตุอันตรายผิดปกติใด ๆ จะไม่เกิดขึ้น เกิดอุบัติเหตุหนักเท่าไรก็ตาม รับประกันว่ารักษารอดได้แน่นอน ตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือโยมแม่ของอาตมาเอง โดนราชรถ ๑๐ ล้อมาเกย กระดูกด้านขวาของร่างกายตั้งแต่กรามลงไปถึงข้อเท้าหักหมดทุกชิ้น รักษาตัวอยู่ ๓ ปีก็กลับคืนดีมาเหมือนเดิม ตอนแรกที่นอนอยู่ในห้องไอซียู ๑๐ กว่าวัน อาตมาไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อวัดท่าซุง กราบเรียนท่านว่าแม่โดนรถชน นอนอยู่ไอซียูมา ๑๘ วันแล้ว ผมขอถวายสังฆทานให้แม่ครับ หลวงพ่อถามว่า "แม่เคยรับยันต์เกราะเพชรไปหรือเปล่า ?" กราบเรียนหลวงพ่อท่านว่า "เคยรับไปครับ" ท่านบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นไม่ตายแน่นอน" และก็เป็นความจริงตามนั้น คือบุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปจะไม่ตายโหง
ประการที่ ๒ บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้ารักษาเอาไว้ได้ จะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษทั้งหลาย เรื่องนี้อาตมาทดสอบมาด้วยตนเองทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เจตนา ก็คือโดนงูกะปะกัดเข้าที่ชีพจรข้อมือพอดี อาตมาก็ไม่ได้รักษาอะไรมากมาย นอกจากล้างทำความสะอาด เอายาเบตาดีนเทใส่แผล เช็ดแห้งแล้วก็ปิดด้วยพลาสเตอร์ เล่นเอาลูกศิษย์ที่มาจากปักษ์ใต้เครียดจนหัวล้านไปเลย..! บอกว่าเขาอยู่สวนยาง ไอ้งูกะปะนี่กัดใครก็ตาม จะเน่าหลุดเป็นชิ้น ๆ ท้ายสุดก็ตาย แต่ปรากฏว่าอาจารย์เล็กยังสบายดีจนทุกวันนี้ และทุกวันนี้ก็ยังจับงูทุกชนิดเล่นเป็นปกติ
โดยเฉพาะงูจงอางของวัดท่าขนุน ๒ ตัว ถึงเวลาเลื้อยข้ามถนน หัวพ้นถนนไปแล้วหางยังไม่ขึ้นมาเลย ถ้าหากว่าค่ำ ๆ เวลาทุ่มครึ่งสองทุ่มมักจะขึ้นมาโชว์ตัวเพราะว่าต้องออกไปหากิน จะไม่บอกว่าอยู่บริเวณไหน ถึงเวลาโยมเจอจะได้จับเล่นบ้าง...!
ประการที่ ๓ บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้ารักษาเอาไว้ได้ จะไม่เป็นอันตรายจากไสยศาสตร์ ใครตั้งใจทำไสยศาสตร์ใส่บุคคลที่มียันต์เกราะเพชรอยู่และอาราธนาทุกวัน อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนกลับไปหมด เขาตั้งใจทำไสยศาสตร์ใส่เราแรงขนาดไหน เขาก็จะรับคืนไปแรงเท่านั้น เรื่องนี้รุ่นพี่ของอาตมาก็คือพี่สามารถ ปัจจุบันสึกไปแล้ว อดีตก็คือพระสามารถ ฐานิสฺสโร ถ้าหากว่าไม่รู้จักก็ต้องบอกว่า ท่านเป็นคนออกแบบมณฑปที่ตั้งสังขารหลวงพ่อวัดท่าซุงและปราสาททองคำ ถ้าไม่รู้ก็โปรดรับทราบเอาไว้ว่า นั่นเป็นฝีมือของพี่สามารถ ท่านไปที่ถ้ำตับเต่าในลักษณะของการธุดงค์ ไปเจอเจ้าถิ่นซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าร้อนวิชาท่าไหน เห็นพี่สามารถธุดงค์มาก็ทำไสยศาสตร์ใส่ พี่เขาก็ไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้น ถึงเวลาก็สวดมนต์ไหว้พระ เจริญกรรมฐานตามปกติ ครูบาอาจารย์บอกว่าให้ปลุกยันต์เกราะเพชรไว้ทุกวัน ท่านก็ปลุกตามปกติ รุ่งเช้าก่อนออกบิณฑบาตปรากฏว่าพระเจ้าถิ่นวิ่งออกมาบอกว่า “ท่าน..พอเถอะ ๆ ผมไม่สู้แล้ว” พี่สามารถก็งง ๆ ว่า "เต็มเต็งหรือเปล่าวะ ?" ปรากฏว่าตอนสายออกไปบิณฑบาต เจอพระรูปนั้นแก้ผ้าเดินอยู่ในตลาด พี่สามารถก็นึกขึ้นมาได้ว่า ดูท่ามันเล่นเราแน่ ๆ แต่ปรากฏว่ามียันต์เกราะเพชรคุ้มครองอยู่ ก็เลยสะท้อนกลับ ตัวท่านโดนในสิ่งที่ท่านทำเอง
ท่านใดก็ตามถ้าทำไสยศาสตร์ใส่คนที่มียันต์เกราะเพชร โดนอำนาจของยันต์เกราะเพชรสะท้อนกลับไปจนกระทั่งเดือดร้อนเอง วิธีแก้ง่ายที่สุด ก็คือ ตั้งใจกราบขอขมาพระรัตนตรัยและเลิกละวิชาการนั้นเสีย ท่านก็จะหายเป็นปกติ แต่ถ้าหากว่าไม่ยอมขอขมาพระรัตนตรัย ท่านทำเขาหนักแค่ไหน ตัวท่านก็โดนหนักแค่นั้น ชาตินี้ไม่ต้องหวังว่าจะหายกัน
อาตมาย้ำหลายครั้งว่า ถ้ารักษายันต์เกราะเพชรได้จะมีอานุภาพอย่างที่ว่ามา แต่ว่ารักษาอย่างไร ก็คือท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ต้องรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อ ข้อที่ ๑ ก็คือห้ามลักขโมย ข้อที่ ๒ ก็คือห้ามดื่มสุราเสพยาเสพติด อันนี้บุหรี่ยกให้อย่างหนึ่งนะ ยกเว้นว่ายาที่ผสมแอลกอฮอล์ตามสูตร กินเพื่อรักษาโรค อย่างพวกยาดองเหล้า แต่ว่ากินตามสูตรก็คือครั้งละไม่เกินครึ่งถ้วยตะไล ไม่ใช่กินเอาเมา ถ้าลักษณะอย่างนั้นยันต์เกราะเพชรยังอยู่
แต่ถ้าท่านกินเหล้าหรือลักขโมย ยันต์เกราะเพชรจะเสื่อมอานุภาพทันที โดยเฉพาะท่านที่กินเหล้าเข้าไป ต่อให้เป็นอาหารที่ผสมเหล้าก็ตาม จะรู้สึกร้อนวาบออกผิวหนังเดี๋ยวนั้นเลย บางท่านความรู้สึกดี ๆ รู้สึกว่ายันต์เกราะเพชรระเบิดออกจากตัวไปเลย ก็ขอให้รู้ว่ายันต์เกราะเพชรไม่ได้อยู่กับท่านแล้ว
การรักษายันต์เกราะเพชร นอกจากต้องรักษาศีล ๒ ข้อ ก็คือ เว้นจากการลักขโมยและเว้นจากการดื่มสุราหรือเสพยาเสพติดแล้ว ยังต้องอาราธนาไว้ทุกวัน เช้า ๆ ขึ้นมาก็ตั้งใจสวดมนต์ไหว้พระ ภาวนาอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ พอกำลังใจทรงตัวแล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะรักษาตัวท่านได้ทั้งวัน ในลักษณะของการที่ท่านรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้นั้น ถ้าเผลอไปกินอาหารที่มีสุราผสม ซึ่งระยะหลังนี้เยอะมาก ที่อาตมาเจอมามีทั้งช็อกโกแล็ตไส้บรั่นดี มีทั้งไอศกรีมรัมเรซิ่น มีทั้งเชอรี่แช่บรั่นดีประดับหน้าเค้ก โอ๊ย..ฟังแล้วเครียด ที่หนักกว่านั้นก็คืออาหารจีนและอาหารญี่ปุ่นที่ผสมเหล้า โปรดระมัดระวังว่ายันต์เกราะเพชรไม่ชอบเหล้า
เคยมีคนมารับยันต์เกราะเพชรไปโดยที่มีลูกอยู่ในท้อง พอคลอดลูกออกมาลายพร้อยไปทั้งตัว แม่เห็นก็ตกใจ ลืมไปว่าตนเองเป่ายันต์เกราะเพชรมา ถามว่าจะทำอย่างไรดี ? หมอตำแยบอกว่าสบายมาก อมเหล้าพ่นพรวดเดียวหายเกลี้ยงเลย โห...ยาย ไม่ได้คิดเลยว่าเขาได้มาลำบากแค่ไหน
ท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไป ถ้าเป็นผู้หญิงและท้องครั้งแรกที่เขาเรียกว่าลูกคนหัวปี คือต้นปีหรือลูกคนแรก ไม่ใช่ลูกหัวปลี ไอ้นั่นเขาเอาไว้แกงเลียง..! โปรดรู้ว่าหัวปีก็คือต้นปี เพราะบางคนขยันมาก มีลูกหัวปีท้ายปี คือมกราคม-กุมภาพันธ์ไปคลอดเดือนตุลาคม พอพฤศจิกายน-ธันวาคมก็ท้องอีกแล้ว ถ้ามีลูกคนแรกอยู่ในท้องแล้วมารับยันต์เกราะเพชรไป ถ้าคลอดออกมาเป็นผู้ชายจะมียันต์ติดตัวมาด้วย บางคนก็เป็นรูปยันต์เกราะเพชรเลย บางคนก็เป็นจุด เป็นขีด มีอยู่รายหนึ่งเป็นรูปกงจักรติดตัวมาเลย แล้วแต่พระท่านจะสงเคราะห์ แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะหายเข้าไปในกระดูกภายใน ๗ วัน ก็แปลว่าถ้าลูกเกิดมาลายเป็นตุ๊กแก แต่ภายใน ๗ วันค่อย ๆ หายไปก็เป็นยันต์เกราะเพชร จะไปรู้กันอีกทีว่ารักษายันต์ได้หรือไม่ได้ก็ตอนตายแล้วเผา จะมียันต์เกาะเพชรติดอยู่ที่กระดูก ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงหลายรายพอเผาแล้วเก็บกระดูก เห็นยันต์เกราะเพชรติดอยู่ที่กระดูกอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพระภิกษุวัดท่าซุงรูปหนึ่งคือ หลวงปู่ทองเทศ ฐิตธมฺโม มรณภาพตอนอายุ ๑๐๓ ปี เผาเมรุลอยเก็บกระดูกง่ายมาก ปรากฏว่ามียันต์เกราะเพชรติดอยู่บนขม่อมชัดเจนมาก เสียดายว่าสมัยนั้นไม่มีสมาร์ทโฟน กล้องถ่ายรูปก็หายาก ไม่อย่างนั้นก็คงได้ถ่ายมาอวดชาวบ้านเขาได้
สำหรับลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชายคนถัด ๆ ไป คลอดออกมาไม่มียันต์ติดตัวมาก็ไม่ต้องเสียใจ ท่านได้รับยันต์เช่นกัน แต่ว่าไปอยู่ที่กระดูก ไปพิสูจน์กันตอนตายแล้วเผา ว่าจะมียันต์ติดอยู่ที่กระดูกจริงหรือไม่ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่เกินวิสัยที่จะพิสูจน์ทราบได้ ถ้าอยากจะพิสูจน์ทราบว่าพระอาจารย์เล็กวัดท่าขนุนเป่ายันต์แล้วมีผลจริงหรือไม่ ? อาตมาจะไม่อ้างอิงของเดิม ๆ หลายรายที่ถ่ายรูปลูกตัวลายพร้อยมาให้ดู โดยเฉพาะแถวภูเก็ต มีอยู่ ๒-๓ รายด้วยกัน แต่จะบอกว่าปีหน้ามีเป่ายันต์ฯ ๒ ครั้ง ให้หาผัวให้ลูกสาวก่อน...! ถ้าหากว่าท้องก็รีบพามาเข้าพิธี คลอดออกมาคนแรกถ้าเป็นผู้ชายก็จะมียันต์ติดตัวให้เห็น
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้บอกแล้วว่าพิสูจน์ได้ ดังนั้น..ท่านทั้งหลายเมื่อถึงเวลา สามารถหาทางพิสูจน์คำของครูบาอาจารย์ว่าเป็นจริงตามที่ได้ว่าได้กล่าวมาแล้วหรือไม่
การรับยันต์ต้องมีวัสดุสำคัญ ก็คือ ธูป ๓ ดอก เทียน ๑ เล่ม เพื่อบูชาคุณพระรัตนตรัย ถ้าใครมีลูกอยู่ในท้อง ให้เตรียมเผื่อลูกด้วย ๑ ชุด ตอนรับยันต์เกราะเพชรให้เราพนมมือเอาไว้ โดยมีธูปเทียนอยู่ในมือ ตั้งใจมองภาพพระพุทธรูปหรือภาพยันต์เกราะเพชร นึกจำรูปนั้นได้แล้วหลับตาลง ภาวนาพุทโธ ๆ ไปเรื่อย เมื่อถึงเวลาถ้ายันต์เกราะเพชรเข้าตัวของท่าน ก็จะเกิดอาการร้อนหู ร้อนหน้า ร้อนตัว บางคนก็หนักหัว หนักไหล่ บางคนก็เกิดอาการขนลุก น้ำตาไหล บางคนดิ้นเป็นเจ้าเข้าไปเลยก็มี
ถ้าอาการทั้งหลายเหล่านี้เกิดกับท่าน ขอให้เข้าใจว่าเป็นอาการที่ยันต์เกราะเพชรกำลังจับตัว บางคนกลับบ้านไปแล้วเป็นไข้ไป ๒-๓ วันโดยไม่มีสาเหตุ ก็เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นคนเชื่อยาก กำลังจิตต่อต้านเรื่องทั้งหลายเหล่านี้อยู่ ทำให้ยันต์เกราะเพชรเข้าสู่ตัวได้ยาก
ถ้าหากว่ามีอาการเกิดขึ้นตามที่กล่าวมา อยู่ ๆ หนักหัว หนักไหล่ ร้อนวูบวาบไปหมด หรือขนลุกเป็นจังหวะ หรือบางท่านก็สั่นเลย ขอให้ทราบว่ายันต์เกราะเพชรเข้าสู่ตัวท่านแล้ว บางท่านไม่มีอาการอะไรเลย ต้องถามว่าเคยรับยันต์ไปแล้วหรือยัง ? ถ้าเคยรับยันต์ไปแล้ว ครั้งหลังจะแทบไม่เกิดอาการขึ้นอีก ให้ท่านดีใจว่าท่านยังรักษายันต์เกราะเพชรได้อยู่ ยกเว้นว่าทำให้ยันต์เสื่อมไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นอาการก็จะเกิดขึ้นใหม่
เมื่อรับยันต์เกราะเพชรไปแล้วให้ปลุกทุกวันด้วยบท อิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เต็มบท อธิษฐานขอให้คุ้มครองให้ความปลอดภัยแก่เราทุกวัน ถ้านึกอะไรไม่ออกให้นึกถึงพระประธานวัดท่าขนุนองค์ใหญ่คลุมตัวเราเอาไว้ ไปไหนมาไหนจะได้ปลอดภัย
การรับยันต์เกราะเพชรหมายความว่าเราฝึกปฏิบัติในพุทธานุสติกรรมฐาน ก็คือ ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า เราฝึกในสังฆานุสติกรรมฐาน ก็คือ ระลึกถึงคุณของครูบาอาจารย์ เราฝึกในสีลานุสติกรรมฐาน คือ อย่างน้อยต้องรักษาศีล ๒ ข้อ และเรายังมีการเจริญภาวนาในระหว่างที่รับยันต์เกราะเพชรอีกด้วย แปลว่าเราสร้างบุญกุศลใหญ่ให้แก่ตัวเราเอง พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงถึงได้กล่าวว่า การรับยันต์เกราะเพชรเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาไปในตัว ก็คือเราสร้างบุญใหญ่ เมื่อเราสร้างบุญใหญ่ กรรมก็ตามไม่ทันชั่วคราว ยกเว้นว่าบุญขาดช่วงลง กรรมจึงจะตามทันอีกวาระหนึ่ง
ฉะนั้น..ในการรับยันต์เกราะเพชรของเรา จึงมีผลประโยชน์พลอยได้หลายประการด้วยกัน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเกิดผลแก่ท่านเต็มที่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความศรัทธาเลื่อมใส ถ้าหากว่าเลื่อมใสมาก ยันต์เกราะเพชรสามารถช่วยให้อยู่ยงคงกระพันได้ ถ้าหากว่าขาดความมั่นใจ ก็ช่วยให้ท่านไม่ให้ตายโหง ไม่ให้ตายด้วยสัตว์มีพิษ และไม่ให้ตายด้วยอำนาจของไสยศาสตร์ จะมากจะน้อยประโยชน์เหล่านี้ก็มีอยู่ ครูบาอาจารย์ท่านมอบวิชาการให้มา เมื่อถึงเวลาเราได้ของดีไปแล้ว ก็ต้องรู้จักระมัดระวังรักษา ปฏิบัติตนตามกฎตามกติกาที่ได้ว่ากล่าวเอาไว้ ท่านทั้งหลายจะได้อยู่รอดปลอดภัย
เพิ่มร้านณัชชาเป็นเพื่อน
ด้วย QR Code ด้านล่างนี้ บัญชีร้านณัชชา
หน้าที่เข้าชม | 1,996,483 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,263,598 ครั้ง |
เปิดร้าน | 12 ก.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |