หลวงปู่ทวดเนื้อเมฆสิทธิ์ รุ่น นะโภคทรัพย์ ปี 53 (เพื่องานบุญ)

หลวงปู่ทวดเนื้อเมฆสิทธิ์ รุ่น นะโภคทรัพย์ ปี 53 (เพื่องานบุญ)
หลวงปู่ทวดเนื้อเมฆสิทธิ์ รุ่น นะโภคทรัพย์ ปี 53 (เพื่องานบุญ)หลวงปู่ทวดเนื้อเมฆสิทธิ์ รุ่น นะโภคทรัพย์ ปี 53 (เพื่องานบุญ)หลวงปู่ทวดเนื้อเมฆสิทธิ์ รุ่น นะโภคทรัพย์ ปี 53 (เพื่องานบุญ)หลวงปู่ทวดเนื้อเมฆสิทธิ์ รุ่น นะโภคทรัพย์ ปี 53 (เพื่องานบุญ)หลวงปู่ทวดเนื้อเมฆสิทธิ์ รุ่น นะโภคทรัพย์ ปี 53 (เพื่องานบุญ)หลวงปู่ทวดเนื้อเมฆสิทธิ์ รุ่น นะโภคทรัพย์ ปี 53 (เพื่องานบุญ)
หมวดหมู่ พระเกจิอื่นๆ
ราคา 590.00 บาท
ลงสินค้า 20 ก.ย. 2558
อัพเดทล่าสุด 11 เม.ย. 2559
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

หลวงปู่ทวดเนื้อเมฆสิทธิ์  รุ่น นะโภคทรัพย์  วัดพิชยญาติการาม ปี 53 (รายได้ส่วนหนึ่งเพื่อการทำบุญ)

รุ่งเรืองร่ำรวย อิ่มบุญกุศล สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม

ในบรรดาพระเครื่องหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใต้   ฟ้าเมืองไทย ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักคุ้นเคยและศรัทธา “หลวงปู่ทวด” ตำนานแห่ง “พระอริยสงฆ์ผู้เหยียบน้ำทะเลจืด” ทรงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์และประสบการณ์อันเหลือคณานับจากอดีตจวบจนปัจจุบัน ใครเดือดเนื้อร้อนใจ ใครอยากได้อยากมี และใครคิด  สิ่งใด สักการบูชาหลวงปู่ทวดแล้วสมประสงค์ไม่ผิดหวังเลย 
    
ใครก็ตามที่ศรัทธา “หลวงปู่ทวด” มักเจริญรุ่งเรืองด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ และทรัพย์สินเงินทองมากล้นทุกคน เป็นเหตุให้สำนักสงฆ์และวัดวาอารามต่าง ๆ จัดสร้างพระรูปเหมือนหลวงปู่ทวดให้ญาติโยมเช่าบูชากันมากมายรุ่นแล้วรุ่นเล่า
    
“หลวงปู่ทวด” หรือ สมเด็จเจ้าพะโคะ, หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด, สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ เป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไทย จากประวัติที่พิมพ์เผยแพร่กล่าวว่า ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์รูปสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยา ผู้ที่ศรัทธาในหลวงปู่ทวดเชื่อกันว่าพระเครื่องที่สร้างเป็นรูปเหมือนท่านจะมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองป้องภัยแก่ผู้มีไว้ในครอบครอง กล่าวคือพระเครื่องหลวงปู่ทวด แม้ว่าไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยหลวงปู่ทวด หรือปลุกเสกโดยหลวงปู่ทวด แต่ก็มีความเข้มขลัง ปรากฏอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อย่างมากมาย โดยเฉพาะด้านแคล้วคลาดจากภยันตรายภัยพิบัติอุปัทวเหตุทั้งหลายทั้งปวง
    
ตามตำนานกล่าวว่า “หลวงปู่ทวด” เกิดในปลายรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เมื่อ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๑๒๕ ณ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๑๕ ปี และอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อ  อายุครบกาลอุปสมบท ท่านได้ศึกษาวิชาจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ จนมีความรู้และเป็นผู้ทรงอภิญญามาก และได้แสดงปาฏิหาริย์หลายครั้ง ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากสมเด็จพระเอกาทศรถในครั้งสุดท้ายในราชทินนามที่ สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ สุดท้ายเมื่อท่านมีอายุได้ ๘๐ ปี ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดพะโคะ วัดบ้านเกิดของท่าน จวบจนมรณภาพ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๒๕ สิริรวมอายุได้ ๙๙ ปี
        
“วัดพิชยญาติการาม” เดิมเป็นวัดร้างไม่มีพระภิกษุสงฆ์หรือสามเณรอยู่จำพรรษา ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นมาในสมัยใด ครั้นในปีพุทธศักราช ๒๓๗๒-๒๓๗๕ สมเด็จพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) หรือ “สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย” เมื่อครั้งดำรงบรรดาศักดิ์เป็น “พระยาศรีพิพัฒน์” (พระยาศรีพิพัฒน์รัตนโกศาธิบดี) จางวางกรมพระคลังสินค้า ได้ดำเนินการปรับปรุง ก่อสร้างสถาปนาวัดแห่งนี้เสียใหม่แล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวงในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โดยพระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “วัดพระยาญาติการาม” ซึ่งชาวบ้านมักนิยมเรียกสั้น ๆ ติดปากว่า “วัดพระยาญาติ”
    
สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ ได้วางแบบแปลนแผนผังของวัดทั้งเขตพุทธาวาส และเขตสังฆาวาส (หมู่กุฏิพระสงฆ์) ไว้อย่างสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเฉพาะเขตพุทธาวาส หากมองจากด้านหน้าวัดจะเห็นเจดีย์คู่ อยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ (โบสถ์) ตรงกลางพระปรางค์ ๓ องค์ อยู่ด้านหลังหน้าบันของพระอุโบสถ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าหน้าบันมุขของพระปรางค์องค์ใหญ่ ดูสอดคล้องรับกันอย่างพอเหมาะพอดี เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก สิ่งสำคัญคือกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ ประกอบด้วยซุ้มประตู ๓ ชั้น ศาลาอาคันตุกะ ๒ หลัง และศาลาตั้งพระอสีติมหาสาวก (วิหารคด) ๖ หลัง ส่วนเขตสังฆาวาสก็จัดวางไว้ทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของเขตพุทธาวาส โดยมีพระอุโบสถตั้งอยู่ตรงกลาง ถือว่าเป็นศูนย์กลางของวัดในการประกอบศาสนกิจ
    
การวางแบบแปลนของวัดพิชยญาติฯ ศิลปกรรมและประติมากรรมต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นลักษณะเด่นที่สุดของวัด และเป็นศิลปะที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๓ ทรงโปรดดังเนื้อหาในบทกลอนของ  เพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่งโดย นายมี ทูลเกล้าฯถวายตอนหนึ่งว่า “…ฯลฯ วัดพระยาศรีพิพัฒน์บัญญัตินาม พระยาญาติการามงามระหง...ฯลฯ...” โดยนัยนี้  จึงเห็นได้ว่าวัดพิชยญาติการาม เป็นวัดที่มีความเก่าแก่ เป็นโบราณสถานที่สำคัญอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นแล้ว
    
ครั้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่เป็น “วัดพิชยญาติการาม” (วัด-พิ-ชะ-ยะ-ญา-ติ-กา-ราม) มาจนถึงปัจจุบัน แต่ชาวบ้านทั่วไปมักนิยมเรียกว่า “วัดพิชัยญาติ” กันมากกว่า ซึ่งภายในวัดยังมีพระพุทธรูปยุคเดียวกับพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ด้วย โดยท่านผู้สถาปนาวัดได้อัญเชิญมาจากวิหารหลวงจังหวัดพิษณุโลก เพื่อมาประดิษฐานไว้เป็นพระประธานในพระอุโบสถ มีชื่อเรียกว่า “สมเด็จพระสิทธารถพุทธเจ้า” มีพุทธลักษณะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย งดงามมาก หน้าตักกว้าง ๓ ศอกเศษ สูง ๓ ศอก ๑ คืบเศษ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถ
    
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เสด็จพระราชดำเนินทอดผ้าพระกฐินได้ทอดพระเนตรเห็นเข้าจึงโปรดเกล้าฯ ให้ช่างหลวงสร้างฉัตรขาวโลหะ ๕ ชั้น ถวายเป็นราชสักการะ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐  
    
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จพระราชดำเนินทอดผ้าพระกฐิน และทรงปิดทององค์พระใหม่ และในปี พ.ศ. ๒๔๔๗ ทรงรับสั่งให้เจ้าพนักงานหลวงมาเปลี่ยนเครื่องทรง ให้อีกครั้งหนึ่งด้วย จากนั้นเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๐ พระเทพปริยัติโมลี (พระพรหมโมลี ในปัจจุบัน) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม วรวิหาร พิจารณาเห็นว่า สมควรเปลี่ยนฉัตรใหม่ เนื่องจากฉัตรเดิมเก่าและชำรุดทรุดโทรมมาก จึงได้ให้ช่างหลวงสร้างฉัตรขาวขลิบทอง ๕ ชั้นถวายแทนฉัตรเก่าดังที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้ 
    
พระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร มีแนวคิดก่อสร้างอาคารพระปริยัติธรรมวัดพิชยญาติการาม วรวิหารกับสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมพรหมโมลี สาขาวิเศษการ ตั้งอยู่ ณ ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี จึงได้จัดสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นนะโภคทรัพย์ ขึ้น โดยได้ประกอบพิธีบวงสรวงไปแล้ว ตั้งแต่วันเสาร์ ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓ ณ มณฑลพิธีหน้าวัดช้างให้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี 
    
ในวันเดียวกันก็ได้ประกอบพิธีบวงสรวง ณ มณฑลพิธีหน้าวัดพะโคะ อ.สทิงพระ จ.สงขลา โดยพระพรหมโมลี เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหารเป็นประธานในพิธี มีการนิมนต์พระเกจิคณาจารย์ดังสายใต้ร่วมนั่งอธิษฐานจิตสุดเข้มขลังและลงอักขระเลขยันต์บนแผ่นโลหะกับชนวนโลหะต่าง ๆ อาทิ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ, พ่อท่านทอง วัดสำเภาเชย, พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ, พ่อท่านผัน วัดทรายขาว, หลวงพ่อชูชาติ วัดท่าไทร, หลวงพ่อนิมิต วัดโคกสมานคุณ, พระครูปุญญาพิศาล วัดพะโคะ, พระอาจารย์แดง วัดไร่ และหลวงทูล วัดวิเศษการ เป็นต้น
    
สำหรับวัตถุมงคล หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด รุ่น นะโภคทรัพย์ นี้ ประกอบไปด้วย หลวงปู่ทวด พิมพ์หล่อลอยองค์ เนื้อเมฆสิทธิ์, หลวงปู่ทวด พิมพ์หล่อเตารีดใหญ่ เนื้อเมฆสิทธิ์, หลวงปู่ทวด พิมพ์หล่อเตารีดเล็ก เนื้อเมฆสิทธิ์ และหลวงปู่ทวด พิมพ์เตารีดใหญ่ เนื้อว่าน พร้อมได้กำหนดพิธีมหาพุทธาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ครั้งสุดท้ายในวันอาทิตย์ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓ โดยพระพรหมโมลี จะเป็นประธานจุดเทียนชัย และนั่งอธิษฐานจิตตภาวนาร่วมกับพระเกจิคณาจารย์ดังสายใต้รูปเดิมที่ร่วมประกอบพิธีบวงสรวงที่ผ่านมา 
    
ถือได้ว่าวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ “ศักดิ์สิทธิ์” และ “เข้มขลัง” ไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ พุทธคุณโดดเด่นครบเครื่องครอบจักรวาล เพราะบรรดาเกจิที่มาอธิษฐานจิตแต่ละรูปไม่ธรรมดา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. ๐-๒๘๖๖-๑๒๒๔, ๐-๘๖๑๐๒-๘๕๒๒.

 

ที่มาจากหนังสือพิมพ์ : 

ฝากล่องชำรุดนิดหน่อยค่ะ  ทำให้พับปิดลงเปิดค้างไม่ได้  แต่องค์พระสภาพสวยเก่าเก็บเนื้อองค์พระเงามันวาวมากค่ะ

วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ออมทรัพย์
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขากองบัญชาการกองทัพบก ออมทรัพย์
  • ค่าธรรมเนียม 3.9% + 11 THB
  • การชำระผ่าน PayPal คุณไม่จำเป็นต้องแจ้งชำระเงิน เนื่องจากระบบจะจัดการให้คุณทันที ที่คุณชำระเงินเสร็จสมบูรณ์

CATEGORY

       เพิ่มร้านณัชชาเป็นเพื่อน    
       ด้วย QR Code
ด้านล่างนี้  

       บัญชีร้านณัชชา      

CONTACT US

0851242951

STATISTICS

หน้าที่เข้าชม2,008,425 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด1,275,540 ครั้ง
เปิดร้าน12 ก.ค. 2558
ร้านค้าอัพเดท5 ต.ค. 2568

MEMBER

พูดคุย-สอบถาม