รายการหายาก! พระพิมพ์หลวงพ่อปาน ขี่หนุมาน รุ่น ล้อมกุฏิ หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

รายการหายาก! พระพิมพ์หลวงพ่อปาน ขี่หนุมาน รุ่น ล้อมกุฏิ หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
รายการหายาก! พระพิมพ์หลวงพ่อปาน ขี่หนุมาน รุ่น ล้อมกุฏิ หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนรายการหายาก! พระพิมพ์หลวงพ่อปาน ขี่หนุมาน รุ่น ล้อมกุฏิ หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนรายการหายาก! พระพิมพ์หลวงพ่อปาน ขี่หนุมาน รุ่น ล้อมกุฏิ หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนรายการหายาก! พระพิมพ์หลวงพ่อปาน ขี่หนุมาน รุ่น ล้อมกุฏิ หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
หมวดหมู่ หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
ราคา 4,290.00 บาท
ลงสินค้า 4 ต.ค. 2563
อัพเดทล่าสุด 5 ต.ค. 2564
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
หลวงพ่อเล็กกล่าวถึงไว้ว่า "แล้วบางรายอย่างเช่นที่ได้ทำพระหลวงปู่ปานย้อนยุคไป ตอนแรกอาตมาก็คิดว่าพระที่ทำไปคงไม่ได้อย่างที่หลวงปู่ท่านทำเพราะว่า สามารถที่จะถอนพิษสัตว์ได้ ถ้าหากว่าโดนงู โดนพิษสัตว์กัดต่อย ให้เอาพระแช่น้ำตั้งใจอารธนาบารมีท่านสงเคราะห์ แล้วก็แปะหันศรีษะพระขึ้นด้านบน พระจะดูดติดกับแผลเพื่อที่จะดูดพิษออกมา ปรากฏว่ามีคนเอาไปใช้แล้วได้ผลจริง ๆ เป็นไปตามนั้นจริง ๆ อาตมาก็ดีใจว่าท่านสงเคราะห์ให้เหมือนอย่างที่สมัยหลวงปู่ปานท่านทำเหมือน กัน "
กระโถนข้างธรรมมาสน์ ฉบับที่ 1

"รุ่น นี้แหละครับ ที่คนแขวนโดนยิงสี่สิบกว่านัดแล้วไม่เป็นอะไรเลย ทำเอาท่านอาจารย์โดนทหารล้อมกุฏิ เพื่อขอพระรุ่นนี้ ทั้งที่หมดไปนานแล้ว!!!"

ตอบ :  ช่วง ๒ สัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องสนุกเยอะมากเลย ตั้งแต่โดนทหารเฝ้ากุฏิไม่ให้ไปไหน เขาจะเอาวัตถุมงคลให้ได้ เพื่อนเขาโดนยิงที่ชุมพร ๔๖ นัดแล้วไม่เป็นอะไร..! แล้วมันพกพระที่เราแจกไปองค์เดียว เขาเลยจะมาเอาให้ได้ แต่รุ่นนั้นเราแจกไปตั้งแต่ ๓ ปีที่แล้ว ส่วนอีกครั้งคุณสุภาวดี เขาจะไปวัดถ้ำทะลุ คราวนี้ลูก ๆ ยังเด็ก เด็กกรุงเทพฯ นั่นแหละ ปีนเขากันไม่ไหว ก็เอาไปฝากไว้ที่กุฏิ เด็ก ๆ วัยรุ่นอยู่นี่ อายุสิบกว่า ๑๓-๑๔ ปีอย่างนี้ ก็เล่นกันเฮ ๆ ๆ กุฏิจะถล่ม พอเฮได้สักพักหนึ่ง เขาถามว่า "เด็กตัวอ้วน ๆ นั่นใคร?" ตอบเขาว่า "อ๋อ..มันตกน้ำตายมา ๒ ปีแล้ว..!" กรี๊ดสลบ คือมันอยู่รุ่นเดียวกันกับเด็กที่ตกน้ำตาย มันก็อายุ ๑๑ กว่าเกือบจะ ๑๒ แล้วตอนแรกที่เขามาขออยู่ที่กุฏินะ เขามาแบบเปียกโชกเลย เขาบอกว่า "หลวงพ่อ เขาขออนุญาตอยู่ที่กุฏิได้ไหม? อยู่ในน้ำมันหนาว" ก็บอกว่า "อยู่ได้ แต่ว่าอย่ากวนคนนะ เวลาใครเขามา อย่าไปแกล้งเขา" เขาก็รับปาก ตกลงให้เขาอยู่ เขาบอกว่า "อีก ๘ ปี เขาจะไปเกิดใหม่นะ ถ้าเป็นไปได้อยากไปเกิดกับพ่อแม่คนเดิม" เราก็อนุญาตให้เขาอยู่ เขาก็ไม่เคยกวนใครจริง ๆ

ถาม:  จะเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อไหร่ครับ?
      ตอบ :  ยังไม่รู้เลย เรื่องเป่ายันต์นี่ต้องรอคำสั่งอย่างเดียว ทำเองไม่ได้อยู่แล้ว
      ถาม :  นึกว่ากลางปีมีครั้งหนึ่งครับ?
      ตอบ :  กลางปีมีเสาร์ห้าจะได้ทำไหม ไม่เป็นไรหรอก ภายในอาทิตย์นี้อาตมาก็คงรู้คำสั่งแล้วว่าจะได้หรือไม่ได้ เดี๋ยวคราวหน้าจะบอกให้ ถ้าไม่ได้ก็แล้วไป สบายหน่อย
      ถาม :  ถ้าไม่ได้ ก็ต้องรอปลายปีหรือครับ?
      ตอบ :  ถ้าปลายปีไม่ได้อีก ก็ต้องรอปีถัด ๆ ไป ของอย่างนี้ถ้าไม่ใช่กำลังของพระท่าน เราทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะไปทำส่งเดชก็ทำไม่ได้ ในสายตาของคนลาว คนไทยนี่เหมือนอย่างกับไทยเห็นพม่าเขาจะเห็นเราเป็นศัตรู เพราะว่าประเทศไทยเราไปตีบ้านตีเมืองของลาวเขาหลายครั้งด้วยกัน
              โดยเฉพาะสมัยที่ยับเยินที่สุดก็คือ สมัยรัชกาลที่ ๓ ในสมัยนั้นของลาวนี่ไม่เหลือพระพุทธรูปสำคัญไว้เลย ไทยเอามาหมดพระแก้วมรกตก็มาแล้วใช่ไหม แล้วสมัยนั้นเอาพระบาง พระสุก พระเสริม พระใส มาหมด คราวนี้แพที่เราบรรทุกพระก็ล่มอยู่กลางแม่น้ำโขง พระสุกจมน้ำไป ทุกวันนี้เขาเรียก เวินพระสุก ภาษาลาวก็คือ วังน้ำพระใส จะอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย พระเสริม อยู่ที่วัดสระปทุม วัดปทุมวนาราม ใกล้ ๆ กรมตำรวจเก่า มีแต่พระบางที่เราคืนให้ลาวไป ทุกวันนี้ลาวก็เลยเหลือพระคู่บ้านคู่เมืองอยู่องค์เดียว
      ถาม :  แต่คนเขาว่าองค์ที่อยู่ตรงหอนั้น ไม่ใช่องค์จริง?
      ตอบ :  อยู่ที่หลวงพระบางจ้ะ เขาจะแห่ตอนวันสงกรานต์ทุกปี เจ้ามหาชีวิตของลาวจะเป็นคนนำแห่เพื่อออกมาสรงน้ำ เพราะฉะนั้นของลาวนี่จะเหลือพระคู่บ้านคู่เมืองแค่พระบางองค์เดียว จะว่ากันจริง ๆ แล้วพระแก้วก็ไม่ใช่ของไทยหรอก เพราะว่าเริ่มมาจากเมืองปาฏลีบุตร ส่วนที่อยู่ปาฏลีบุตรเป็นตำนานหาหลักฐานยืนยันไม่ได้ ได้แต่เล่าสืบ ๆ กันมาว่าพระนาคเสนที่ปราบพระยามิลินท์ ท่านอยากได้วัสดุอะไรที่คงทนเพื่อสร้างพระให้อยู่ได้ครบอายุพระศาสนา ๕,๐๐๐ ปี พระอินทร์ให้พระวิษณุกรรมมาเนรมิตให้แตงโมในไร่ของชาวไร่คนหนึ่งกลายเป็นมรกตทั้งก้อน แล้วก็เอามาถวายพระนาคเสน พระนาคเสนก็แกะไม่ได้ มรกตแข็งมากก็เลยเดือดร้อนพระวิษณุกรรมเนรมิตเองก็ต้องมาแกะเองอีก เสร็จแล้วพระนาคเสนท่านก็อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานที่ในองค์พระแก้วมรกต ตำนานตอนช่วงนี้ก็ขาดตอนลงไป มีแค่คำพยากรณ์ว่าพระแก้วมรกตต้องไปอยู่ถึง ๗ ประเทศ
              คราวนี้อยู่ ๆ มาโผล่เอาที่ลำปาง ที่วัดพระแก้ว จังหวัดลำปาง เขาว่าฟ้าผ่าเจดีย์หักลงมาแล้วก็มีพระองค์หนึ่งที่หน้าตักไม่ใหญ่นักเป็นปูนหุ้มอยู่ในเจดีย์ เขาก็จะเคลื่อนย้ายเพื่อที่จะนำไปซ่อมแซมเจดีย์ใหม่ ปรากฏว่าพระนาสิก (จมูก) กระเทาะเห็นเป็นแก้วเขียวอยู่ข้างใน เขาเลยกระเทาะออกมาทั้งองค์ปรากฏว่าเป็นพระพุทธรูปที่งามมากก็อยากจะได้เอาไว้เพื่อให้ชาวบ้านบูชา
              แต่ว่าสมัยก่อนเขาเชื่อเรื่องอาถรรพ์มากก็เลยเลี่ยงด้วยการเอาขึ้นหลังช้าง เพราะท่านปรารถนาจะอยู่ตรงไหนก็ให้ช้างไปอยู่ตรงนั้นช้างก็เผ่นไปยันเชียงใหม่โน่น ก็ตอนนั้นเป็นศึกเป็นเสือกันอยู่กับพม่าตลอด พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช จริง ๆ แล้วเป็นลูกของเจ้าหญิงที่เขาส่งมาเป็นพระชายาของเจ้าเมืองเชียงใหม่ ก็เท่ากับเป็นเชื้อลาวอยู่ครึ่งหนึ่ง พอถึงคิวที่ท่านขึ้นครองราชย์ท่านก็ปราบบ้านเมืองใกล้เคียงที่กระด้างกระเดื่อง จนกระทั่งอ่อนน้อมกันหมดแล้ว ก็ได้พระแก้วมรกตไปไว้ที่เชียงใหม่ พอศึกทางพม่ามา รู้ว่าสู้ไม่ได้ก็เลยย้ายหนีไปเมืองแม่ก็คือ เวียงจันทร์ ก็เอาพระแก้วไปด้วย
              ทีนี้สมัยรัชกาลที่ ๑ ก็ไปตีเวียงจันทร์ ก็เลยอัญเชิญพระแก้วกลับมา ก็เลยยุ่งวิ่งไปวิ่งมาอยู่นั่นแหละ แต่ว่าช่วงจากเมืองปาฏลีบุตรทำอย่างไรถึงมาโผล่ที่ลำปางได้นี่เป็นตำนานที่สูญไปเฉย ๆ?ส่วนที่เป็นประวัติศาสตร์เริ่มจับได้ว่าปรากฏขึ้นที่ไหน ๆ จะเริ่มจากตรงลำปางขึ้นไปเชียงใหม่ขึ้นไปลาวไปใต้งวดนี้ต้องหนีชุมพรให้ทัน เพราะชุมพรทำเอาเมื่อ ๒ อาทิตย์ก่อน ออกกุฏิไม่ได้ มีแต่คนไปล้อมกุฏิจะเอาวัตถุมงคล รุ่นนั้นแจกไปตั้ง ๓ ปี แล้วจะไปเหลืออะไรล่ะ บังเอิญว่าโยมคนหนึ่งที่ชุมพรเขาไปโดนยิงที่หน้าบ้านตัวเอง พอจอดรถจะลงจากรถ เขายิงใส่ ๔๖ นัด รถแหลกไปทั้งคันเลย
      ถาม :  ตัวไม่เป็นอะไรหรือคะ?
      ตอบ :  ตัวเขาก็เขียว ๆ ช้ำ ๆ เราก็นั่งเดาสงสัยว่า ลูกปืนมันเลยทะลุรถแล้ว เลยหมดแรง มันเลยยิงไม่เข้า เขาจะแขวนพระหลายองค์หน่อยก็ไม่ได้ เราจะได้โบ้ยไปให้คนอื่นเขาบ้าง เขาดันแขวนอยู่องค์เดียวปฏิเสธไม่ได้ คราวนี้พอเขาส่งข่าวมา พวกหน่วยทหาร พวกบริษัทเกี่ยวกับรักษาความปลอดภัย เขาอยากได้พระไปให้พวกคนในหน่วยงานเขาบอกว่าไม่มีก็ไม่ฟัง ล้อมกุฏิอยู่นั่นแหละ บอกเขาว่ารุ่นใหม่มี เขาก็ไม่เอาจะเอารุ่นนั้น
      ถาม :  พระอะไรครับ?
      ตอบ :  รุ่นนั้นจะเป็นพระหลวงปู่ปานย้อนยุค ทำเลียนแบบของเก่า จะมีขี่ไก่ ขี่เม่น ขี่หนุมาน ขี่ครุฑ รู้สึกว่ารุ่นนั้นจะมีประสบการณ์เยอะ คนเอาไปใช้แล้วได้ผลดีเยอะ แหม! เรายืนยันว่ารุ่นหลังดีกว่า เขายังไม่เชื่อ เขาจะเอาแต่รุ่นนั้น ก็ให้เขารอไปเถอะ คนเก่าเขาย้ายไปอยู่กำแพงแสน ไปโดนพวกยาบ้ายิง ๒ นัด ไม่เป็นไร ก็เลยดัง ไปดังที่กำแพงแสน ย้ายจากทองผาภูมิไป คนใหม่ย้ายมายังไม่รู้จักกัน พอเขาลือก็เลยนัดจะมาหา เราเผ่นลงกรุงเทพฯ มาก่อน
      ถาม :  แล้วอันนี้เนื้ออะไรครับ?
      ตอบ :  ก็เป็นดินเผานั่นแหละ เพราะว่าสมัยก่อนหลวงปู่ปานท่านก็ใช้ดินท้องนานี่แหละ เอามาตำ ร่อนละเอียดแล้วก็ผสมนวดจนกระทั่งได้ที่แล้วก็ปั๊มกัน ท่านทำ ๘๘๐ ปีบ ไม่ได้นับองค์ สมัยนั้นท่านแจกองค์เดียว เสร็จแล้วคนก็ไปต่อท้ายแถวมาใหม่ คุณหลวงประธานถ่องวิจัย ก็เลยใช้ปูนกินกับหมาก เอาปูนมาวางไว้เลย ๑ ปีบ ถึงเวลาเอาปูนป้าย ท่านไม่ได้ป้ายน้อย ๆ แตะเมื่อไรท่านจุ่มทั้งมือป้ายเลย จะได้จำได้ว่าเขารับไปแล้ว พอเขาออกไปข้างนอกก็ไปกลับเสื้อแล้วก็ใส่มาใหม่ มารับอีกหลวงปู่ท่านสร้างไว้ ๘๘๐ ปีบ บรรจุเจดีย์ไป ๔๔๐ ปีบ แล้วก็เอามาแจก ๔๔๐ ปีบ ก็มีแยกต่างหากไป ๔,๐๐๐ องค์ เพราะว่าท่านบอกว่าก่อนตายฉันยังเป็นหนี้เขาอยู่ ให้เอาไปจำหน่ายองค์ละ ๑ บาท จะได้เอาเงินมาใช้หนี้ พอหลวงปู่ท่านมรณภาพ จัดงานศพกันหลวงพ่อท่านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงอยู่ ท่านก็บอกกับพวกกรรมการว่าอย่าไปตั้งราคาเลย พวกกรรมการก็บอกว่าถ้าไม่ตั้งราคาเดี๋ยวไม่ได้อย่างที่หลวงพ่อใหญ่ท่านว่านะครับ ก็หมายถึงหลวงปู่ปาน ท่านบอกเอาไว้ว่าท่านเป็นหนี้ ๔,๐๐๐ บาท ถ้าไม่ตั้งราคาเดี๋ยวเกิดคนเขาไม่ให้ขึ้นมา ได้ไม่ถึง ๔,๐๐๐ บาทใช่ไหม
              ปรากฏว่าหลวงพ่อท่านบอกว่า เอาเหอะถ้าหากว่าได้ไม่ครบเดี๋ยวฉันจะเทศน์ใช้หนี้ให้เอง พอมีคนรับผิดชอบ กรรมการก็ตกลงไม่ตั้งราคา ปรากฏว่าได้มาตั้งหลายหมื่น คนที่ให้น้อยที่สุดให้ ๓ บาท อยู่รายหนึ่ง แล้วก็ให้ ๕ บาท อยู่รายหนึ่ง นอกนั้นให้เกิน ๑๐ บาททั้งนั้น ให้ตั้งแต่ ๑๐ บาทขึ้นไป โอ้โห! สมัยนั้นเงิน ๑๐ บาท เยอะนะ ใคร ๆ ก็อยากได้พระหลวงปู่ ตกลง ๔,๐๐๐ องค์ ได้เงินมาตั้งหลายหมื่น จัดงานศพเสร็จยังเหลือกำไรเข้าวัดบานเลย
              สมัยนั้นโบสถ์หลังหนึ่งราคาประมาณ ๘,๐๐๐ บาท สมัยนี้ประมาณ ๑๐ กว่าล้านบาท ได้เงินเกินราคาโบสถ์ไปตั้งหลายเท่า ลองนึกดูว่าได้เท่าไร เคยถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อครับ ระหว่างหลวงพ่อกับหลวงปู่ใครดังกว่ากัน หลวงพ่อท่านบอกว่า หลวงปู่ปานดังกว่า ถามท่านว่าทำไมล่ะครับ หลวงปู่ปานท่านจัดงานคนมาเป็นหมื่น หลวงพ่อจัดงานคนมาเป็นแสน ท่านบอกว่าคนมาเป็นหมื่น สมัยนั้นเขาบอกกันมาปากต่อปาก แต่คนมาเป็นแสนของข้าโทรทัศน์ก็มี วิทยุก็มี?หนังสือพิมพ์ก็มี ประกาศได้ สมัยโน้นเขาบอกกันปากต่อปาก ท่านบอกว่าเรือจอดหน้าวัดเดินข้ามฝั่งได้เลย

วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ออมทรัพย์
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขากองบัญชาการกองทัพบก ออมทรัพย์
  • ค่าธรรมเนียม 3.9% + 11 THB
  • การชำระผ่าน PayPal คุณไม่จำเป็นต้องแจ้งชำระเงิน เนื่องจากระบบจะจัดการให้คุณทันที ที่คุณชำระเงินเสร็จสมบูรณ์

CATEGORY

       เพิ่มร้านณัชชาเป็นเพื่อน    
       ด้วย QR Code
ด้านล่างนี้  

       บัญชีร้านณัชชา      

CONTACT US

0851242951

STATISTICS

หน้าที่เข้าชม2,017,180 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด1,284,295 ครั้ง
เปิดร้าน12 ก.ค. 2558
ร้านค้าอัพเดท23 ต.ค. 2568

MEMBER

พูดคุย-สอบถาม