รอวัดจีดส่งมาร้าน คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือน พ.ค. 66
แม้กระทั่งวันนี้ก็เช่นกัน เมื่อท่านพระครูปลัดเอ๊ด (พระครูปลัดนิพพาน โชติธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) มาบอกกล่าวถึงกำหนดการแต่ละขั้นตอนว่าใครต้องทำอะไรบ้าง แต่พอเริ่มพิธีเข้าจริง ๆ แล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชี้มาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ผู้เป็นครูบาอาจารย์ และท่านมเหสักขาที่เป็นพี่ใหญ่ของพวกเราว่าไปจัดการให้ด้วย
หลวงพ่อท่านลงมาชี้ไม้เท้าไปทีเดียว วัตถุมงคลทั้งหมดก็สว่างไสวไปทั้งกองแล้ว ตามมาด้วยท่านพี่มเหสักขาที่ดูแลเกี่ยวกับบรรดาวัตถุมงคลซึ่งเป็นพระนารายณ์ทรงครุฑ สัญลักษณ์ของวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)
เมื่อท่านจัดการเรียบร้อยก็บอกว่าให้ดำเนินการต่อได้ ก็คือให้ดับเทียนสัตตบริภัณฑ์ ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าเทียนสำคัญในพิธีนั้นก็คือเทียนบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งถ้าหากว่าเป็นทางภาคเหนือ จะเรียกว่าเทียนนวหรคุณ เทียนตรงนี้จุดบูชาพระรัตนตรัย แล้วหลังจากนั้นก็เป็นการจุดเทียนชัยในพิธี แล้วก็เป็นเทียนวิปัสสีซึ่งอยู่สองข้างของเทียนชัย ถ้าหากว่าไม่มีก็จะเป็นเทียนสัตตบริภัณฑ์ซึ่งล้อมรอบกองวัตถุมงคลอยู่
เมื่อทำการดับเทียนสัตตบริภัณฑ์ พรมน้ำมนต์ โปรยดอกไม้แล้ว กระผม/อาตมภาพก็บอกกล่าวตามที่ครูบาอาจารย์ คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงสั่งมาว่า ให้คนอื่นทำน้ำมนต์ พรมในพิธีและโปรยดอกไม้เป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชาเสียก่อน หลังจากนั้นแล้วค่อยให้พระครูปลัดสมนึก โปรยน้ำอบน้ำหอมผ่านแก้วจักรพรรดิ โดยที่ท่านเองส่วนใหญ่แล้วก็มักจะระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดจนกระทั่งหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นหลัก
แต่ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ให้ระลึกถึงท่านปู่พระอินทร์และท่านย่า ซึ่งเป็นเจ้าของแก้วทั้งสองดวงด้วย เมื่อโปรยน้ำอบน้ำหอมผ่านแก้วจักรพรรดิแล้ว ก็ไม่ควรให้ใครพรมน้ำมนต์ทับลงไปอีก
ดังนั้น..ในวันนี้ก็เลยกลายเป็นว่ากระผม/อาตมภาพไปป่วนพิธีเขา จนกระทั่งผิดพลาดไปจากกำหนดการเดิมเสียมาก ต้องขออภัยต่อท่านเจ้าคุณหลวงตาและพระครูปลัดเอ๊ดไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากำหนดการของเรานั้น ไม่ว่าจะกำหนดเอาไว้ดีขนาดไหนก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับพระ หรือว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจะสั่งว่าเอาอย่างไร กระผม/อาตมภาพกลายเป็น "ไอ้ตัวป่วน" ในพิธีมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านต้องเข้าใจว่าคำสั่งของพระหรือครูบาอาจารย์นั้นถือเป็นเด็ดขาด ซึ่งตรงนี้เจ้าคุณหลวงตาท่านก็เข้าใจ แล้วก็มักที่จะบอกว่า "เอาตามที่แกเห็นว่าสมควรก็แล้วกัน"
เมื่อทำพิธีเสร็จสรรพเรียบร้อย กราบลาออกมาทางด้านนอก ญาติโยมทั้งหลายจะใส่ย่าม แต่กระผม/อาตมภาพไปไหนไม่ค่อยจะนำย่ามไปด้วย จึงบอกกับญาติโยมว่า พวกเราทั้งหลายร่ำรวยพอแล้ว ให้ทำบุญกับบรรดาพระเถระที่ตามออกมาข้างหลัง ซึ่งจะปิดท้ายด้วยท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิ์ลังกา
แต่ปรากฏว่าท่านอาจารย์บ๊ะนั้นเผ่นตามกระผม/อาตมภาพออกมาติด ๆ กลายเป็นทั้งสองคนออกจากพิธีมาก่อนคนอื่นเขา ไม่ได้ไปนั่งเป็นเนื้อนาบุญ กระผม/อาตมภาพนั้นไม่อยากที่จะไปนั่งแล้วเสียเวลาตรงนั้นนาน เพราะว่าหนทางกลับวัดนั้นยาวไกลกว่าคนอื่นเขา แต่ว่าท่านอาจารย์บ๊ะนั้น กระผม/อาตมภาพเข้าใจว่าท่านจะออกไปหาที่สูบบุหรี่ ก็เลยฉวยโอกาสกลับวัดไปเลย ซึ่งตรงนี้เป็นอันว่าเรารู้กันอยู่ ต่างคนต่างขึ้นรถได้ก็เผ่นแน่บ..กลับไปวัดใครวัดมัน..!
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๖
https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=9390
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com