พระปิดตาจินดามณีมนต์พระกาฬพิมพ์ใหญ่ฝังตะกรุดตึงไตรภพ หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา

พระปิดตาจินดามณีมนต์พระกาฬพิมพ์ใหญ่ฝังตะกรุดตึงไตรภพ

 

หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา

 

------------------------------

 

พระอาจารย์บ๊ะพูดถึงพระปิดตานี้ว่า

 

 “ใครที่มีพระปิดตาจินดามณีมนต์พระกาฬติดตัวจะดึงดูดความอุดมสมบูรณ์อย่างที่สุดทั้งลาภ ทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศ เขาจะวิ่งเข้ามาหาเองเลย ไม่ต้องทำอะไร หลวงปู่บุญวัดกลางบางเเก้วได้เป็นเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดนครปฐมสมัยนั้น 

ก็เพราะจินดามณีมนต์พระกาฬนี้ ถ้าพระปิดตานี้อยู่ในที่เเห้งเเล้งจะกลับมาเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ 

 

พระปิดตาจินดามณีมนต์พระกาฬ นี้โคตรดี ดีจริงๆ”

 

Cr.เพจเกษมธรรมบำเพ็ญบุญ

 

------------------------------

 

ตำรา "ผงยาจินดามณี" ของโบราณกาลซึ่งสืบทอดกันมาจนถึงหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว นครปฐม นั้นได้มีการถ่ายทอดให้กับพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเพียงสององค์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับท่าน 

นั่นคือ หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ซึ่งเป็นศิษย์เอกและ #หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นหลานแท้ๆของท่าน 

 

หลวงพ่อทองอยู่ได้ทำการศึกษาตำราคัมภีร์ "ผงยาจินดามณี" จนมีความรู้แจ้งตลอดสามารถผสมผงตามตำราให้มีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์เสมอเหมือนของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว

หากกล่าวถึงพระผงยาวาสนาจินดามณี อันมีคุณวิเศษครอบจักรวาลตามอธิษฐาน ปรมาจารย์เจ้าตำรับยาจินดามณีเท่าที่สืบทราบแจ้งชัด คือ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว 

ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลวงลุงของ หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา จ.สมุทรสาคร พระเถราจารย์ผู้เปรียบดั่งพญายูงทองที่หลีกเร้นในแนวไพร 

เพราะหากเปรียบกับพระเกจิอาจารย์ร่วมยุคในเขตสมุทรสาครแล้ว ช่วงยุคหลังปี ๒๕๐๐ ล่วงมาถึง ๒๕๒๕ เวลานั้นเขานิยมทางสักเลขยันต์ทางเหนียวคงเป็นหลัก 

ลูกน้ำเค็มในย่านนี้มักพากันไปหาพระอาจารย์สายเหนียว เช่น หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง, หลวงพ่อสุด วัดกาหลง, หลวงพ่อแง วัดบางไผ่เตี้ย ฯลฯ 

ท่านเหล่านี้วัตถุมงคลท่านมีประสบการณ์ทางเหนียวคงทั้งสิ้น

 

หลวงพ่อทองอยู่ท่านนิยมทางเมตตาและมหานิยม ส่งเสริมทางโภคทรัพย์สนับสนุนให้ฅนไปทำกิน 

ทางไม่ชอบทางนักเลงไม่ส่งเสริมศิษย์ให้ไปต่อยตี ท่านว่าเมตตาให้เขารักไม่เกียจดีกว่าทุกสิ่ง คือ 

ไม่ทั้งมิตรและมีกินไม่อับจนไปไหนก็สบาย นี่ท่านชอบแบบนี้ แต่ฅนหนุ่มสมัยนั้นเขาชอบทางเหนียวมากกว่า 

หลวงพ่อทองอยู่ท่านชอบทางเมตตาและนิรันตราย คือ ไปไหนให้ฅนเมตตาไม่พบเจออันตราย เหตุนี้วัตถุมงคลท่านจึงปรากฏผลทางบู๊ทางคงแบบโลดโผนน้อย 

เพราะโดยมากผู้บูชาพระของหลวงพ่อทองอยู่ จะเป็นพวกพ่อค้าแม่ขายพวกล่องเรือขายของ หรือเถ้าแก่ชาวจีนเสียเป็นส่วนมาก

 

พระผงยาวาสนาจินดามณี หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา ท่านจัดสร้างตามตำราอย่างเคร่งครัด 

ต้องคำนวณฤกษ์ยามและกำลังวันให้เป็นมงคลสูงสุด รวมไปถึงส่วนประกอบที่เป็นว่านยาต่างๆ หลวงปู่ท่านตั้งใจทำน้ำมนต์ รดน้ำเองทุกวัน

 

ตำราการสร้างยาวาสนาจินดามณีนี้ หลวงพ่อทองอยู่ ศึกษามาจาก หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ขณะอายุได้ ๑๗ ปี 

ท่านศึกษาวิชานี้จนแตกฉาน ได้เสริมเคล็ดตัวอย่าเพิ่มเข้าไปให้เข้าขลังยิ่งขึ้น ทำให้ตัวยาวาสนาจินดามณีของวัดท่าเสา มีความแตกต่างจากตัวยาของสำนักอื่น ๆ ที่สืบวิชาไป 

คือ ท่านได้นำเอา ดอกบัวแฝด ซึ่งเป็นดอกบัวที่หายากในจำนวนดอกบัว ๑๐๐ ดอก ๑,๐๐๐ ดอก 

จะเกิดเป็นดอกบัวแฝดโดยธรรมชาติตามตำรานั้นยากนัก เกี่ยวกับเรื่องดอกบัวแฝดนี้ หลวงพ่อทองอยู่ เคยกล่าวไว้ว่า

 

ดอกบัวแฝดมวลสารแสนเข้มขลัง ตำราเดิมหลวงปู่บุญก็ไม่ได้มีการบันทึกไว้ เห็นมีบันทึกตัวยาไว้เพียง **เกสรบัว บุษบัน** 

แต่ในตำราหลวงพ่อทองอยู่บันทึกการทำยาวาสนาจินดามณีของท่านแต่ละครั้ง อย่างน้อยต้องจัดหาดอกบัวแฝดให้ได้อย่างน้อย ๕ คู่ ถึงจะอนุญาตให้ปรุงยานี้ได้ 

(ซึ่งศิษย์มาขยายความจนกระจ่างใจว่า นี้เป็นกลที่หลวงพ่อทองอยู่กำหนดขึ้นไว้ ก็เพื่อให้ผู้ที่คิดทำยาวาสนาจินดามณี มีความตั้งใจจริงแท้และความเพียร 

มิใช่เพียงคิดจัดหาเอาเพียงตัวยา ที่คิดว่าหาง่ายแล้วนำมาทำกันแบบขอไปที) หากถามว่าตำราเดิมของหลวงปู่บุญมีดอกบัวแฝดนี้ไหม หลวงพ่อทองอยู่เคยตอบศิษย์ถึงเรื่องนี้ว่า

 

"สมัยหลวงปู่บุญเคยมีคนนำดอกบัวแฝดมาถวาย ท่านพิจารณาดูแล้วว่าเป็นของมงคลหายาก จึงได้นำมาใส่เสริมลงไปในตัวยาของท่านด้วย 

แต่มิได้มีการบันทึกไว้ในตำรายาอย่างเป็นทางการซึ่งดอกบัวเปรียบดั่งเครื่องบูชา พระพุทธองค์ 

เป็นเครื่องหมายแสดงถึงผู้มีปัญญา แสดงดั่งผู้ที่สามารถเห็นธรรมแลบรรลุธรรมได้ดั่งบัวที่พ้นน้ำ 

และยิ่งมีลักษณะเป็นดอกแฝดซึ่งถือเป็นของหายาก ซึ่งลักษณะความเป็นของที่เป็นแฝดนี้ แต่โบราณเชื่อว่าเป็นมงคลทั้งสิ้น ดั่งลูกแฝด"

 

หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร มรณะภาพ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๓๑ รวมสิริอายุ ๙๒ ปี ๘ เดือน ๑๒ วัน ๕๖ พรรษา 

หลังจากท่านมรณะภาพแล้วสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อย เพียงแต่แห้งไปเท่านั้น...

 

*** พระอาจารย์ที่อินทร์บุรีท่านว่า พระหลวงปู่ทองอยู่ใช้แทนพระของหลวงปู่บุญได้ไม่ต่างกัน