พญาแมงภู่คำ จ่าฝูง เงินล้าน บรรจุปรอทป่า
เข้าพิธีต่อเนื่องและยาวนาน
เริ่มตั้งแต่พิธีเปิดโลกเหนือดวง
พิธีสวดพระคาถาเงินล้านและพิธีอื่นๆที่ไม่ได้กล่าว
ตุ๊พ่อท่านเมตตาลูกหลานตั้งใจทำให้เป็นวัตถุมงคลที่ทรงพลัง เพราะท่านมีความเชี่ยวชาญและเก่งด้านนี้เป็นพิเศษ
ครูบาอาจารย์ที่ร่วมพุทธาภิเษก
หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
ตุ๊พ่อมหาสิงห์ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่
หลวงพ่อบ๊ะ วัดโพธิ์ลังกา
จัดสร้างตามตำรา บรรจุปรอทป่า ซึ่งปัจจุบันหาพบได้ยากมาก
เนื่องจากสภาวะการณ์ในอนาคต แมงภู่คำ จ่าฝูง เงินล้านนี้ พระท่านสั่งว่า เมื่อจัดสร้างแล้วเสร็จ ให้นำเข้าพิธีภาวนาพระคาถาเงินล้าน ที่ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ไปเรื่อยๆ ก่อนพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ ในเดือน… ปี2568
นั่นแสดงให้เห็นถึงพระเมตตาที่พระองค์ท่านเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้พุทธคุณในส่วนนี้เพิ่มเติมเป็นอย่างสูง และในสายของเรา การพุทธาภิเษกเพิ่มเติมในแต่ละครั้งจะยิ่งได้รับมงคลเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ได้นำเข้าพิธีสวดพระคาถาเงินล้านหลายๆ วาระก่อน พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ตามคำสั่งจากข้างบน…
ตุ๊พ่อสนทนา
ตุ๊พ่อ: โอม พญาแมงปู๊คำ บินสะสู่ อยู่บนเวหน คนกู่คนในโลกหล้า ต่างอว่ายหน้ามาจู มาเอ็นดูจ่วยก้ำ ขอหื้อสุขล้ำบานใจ๋ บ่อมีคนใดโขดไหม้ อยากจะได้อันใดก็สมใจ๋กู่สิ่ง มีความสุขยิ่งถาวร ยามจักจ๋รไต่เต้า ก็บ่อเศร้าเสียใจ ไปตังใดจื่นสู้ เตพเจ้าอยู่ตางบน ฝูงหมู่คนอยู่ตางลุ่ม ต่างกุ้มรุมอุปถัมภ์ปฐาก หื้อมีเงินมีคำมาก ๆ เป็นเจ้าเงินเจ้าคำ มีความสุขความเจริญรุ่งเรืองไปตลอด ต่อเต้าเข้ารอดเวียงแก้วยอดมหาเนรปาน แต้เนอ เออรักต๋นกู พญาแมงปู๊คำ โอมสวฺาหูมติด
พญาบุเรงนองปราบหงษาผู้ชนะ ๑๐ ทิศ พกพาติดตัวตลอดเวลา พระเดชพระคุณพระอาจารย์ของพวกเรา ได้ข่าว่า พระองค์ท่านก็เอาไว้ที่วัดที่อยู่ ๑ เอาติดตัวตลอดเวลา ๑ มีความปรารถนาสมหวัง มีโชคใหญ่มีลาภใหญ่ไม่ขาดสาย ตลอดมา
ตุ๊พ่อ: ที่ตุ๊พ่อ นำมาลงเป็นบทสุดท้ายจ๊ะ บทต้นอยู่ในสมุด แต่ชอบใช้บทสุดท้ายนี้ คิดว่าใจความก็สุดยอดแล้ว
ขอเจริญพร
**************************************************
พิธีนี้เสกวัตถุมงคลหลายรายการ
หลวงพ่อบ๊ะอธิษฐานจิตพุทธาภิเษก (เปิด Auto ไว้ อธิษฐานบูชาได้เลย) ไม่มีคาถาสวดเฉพาะ
"เบี้ยแก้เพชรกลับปรอททะเล"( เบี้ย ๓๒ ฟัน ตามตำรา )✨💫💫วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ 🔆ซึ่งเป็นปรอทธรรมชาติ มีฤทธิ์ในตัว 🔆ปรอทหนัก 1 บาท 🔆มีรอยจารรอบ ทั้งด้านหน้าและหลัง 🔆สร้างน้อยแค่ 400 ลูก
🚩เบี้ยแก้ คือ เครื่องรางของขลังชนิดหนึ่งมีอานุภาพทั้งกันทั้งแก้สิ่งชั่วร้าย เสนียดจัญไร คุณไสย คุณคน คุณผี ยาสั่ง ยาเบื่อ ยาเมา พิษสัตว์ร้ายทั้งหลาย ซึ่งเบี้ยเพชรกลับนี่เป็นเบี้ยพิเศษซึ่งหาได้ยากกว่าเบี้ยทั่วไป อีกทั้งยังนำมาบรรจุปรอททะเลเอาไว้ภายใน ซึ่งปรอททะเล เป็นปรอทธรรมชาติ มีฤทธิ์คล้ายปรอทป่า แต่สถานที่ที่ไปดักจับต่างกัน และมีฤทธิ์ในตัวที่สูงกว่าปรอทวิทยาศาสตร์มากมายมหาศาล แถมอุดด้วยชันโรงและหุ้มเบี้ยแก้ด้วยตะกั่วและจารอักขระตรงตามตำราซึ่งหาได้ยากและทรงคุณวิเศษ พิธีนี้ได้รับการเมตตาสงเคราะห์จากพระสุปฏิปันโนที่มีความชำนาญและศึกษาวิชาเบี้ยแก้มา คือ พระเดชพระคุณพระครูวิลาศ กาญจนธรรม ดร. ( หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน ) และ พระอาจารย์ ศิริชัย ชยธมฺโม วัดโพธิลังการ์ และนำเข้าพิธีมหามงคลสืบชะตาตุ๊พ่อมหาสิงห์ ที่มีพระถราจารย์ที่ทรงคุณความดีอีกหลายท่าน 🚩คุณวิเศษบางส่วนของเบี้ยแก้ค่ะ 🌺 เบี้ยแก้ เมื่อยามศึกสงครามให้เอาไว้ด้านหน้า สารพัดศัตรูบีฑาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หากเจ้าฟ้ามหากษัตริย์เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิงหานางพญาให้ไว้ข้างซ้าย 🌺เบี้ยแก้ สามารถป้องกันสรรพอันตรายต่างๆ แล้ว ยังป้องกันยาสั่ง ตลอดถึงของที่เขาปล่อยเข้ามา และแก้การกระทำทางคุณไสยทั้งปวง 🌺เบี้ยแก้ เป็นอิทธิวัตถุที่มีลักษณะท้าทาย อย่างเปิดเผยต่อการปล่อยคุณไสย และการกระทำย่ำยีในไสยศาสตร์ทั้งปวง ———————//////——————— .... วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เมื่อคืนท่านที่เป็นเวรยามก็คงจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพกลับมาช้า เหตุเพราะว่าคู่เจรจาเจตนาถ่วงเวลา คือกะว่าถ้าไม่ไปสถานีตำรวจแล้ว จะเจรจากับกระผม/อาตมภาพได้ง่ายขึ้น บุคคลผู้นี้ก่อเหตุลักษณะนี้มาหลายครั้งแล้ว ตามที่ท่านผู้กำกับมนตรี แตงโต ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิท่านไปสืบมา แต่ว่ารอดคดีมาได้ทุกครั้ง เพราะว่าทางด้านเจ้าทุกข์ยอมประนีประนอมด้วย แล้วกระผม/อาตมภาพก็เข้าใจเลยว่าทำไมเจ้าทุกข์ถึงยอมประนีประนอมด้วย เพราะว่าพ่อเจ้าประคุณ "เล่นของ" มาถึงศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สายนี่แล้วยังเล่นอีกต่างหาก..! เพียงแต่ว่าเป็นการเล่นของเด็กอนุบาล ก็คือเป็นไปทางสายพวกเสน่ห์ยาแฝด ในลักษณะทำให้รัก ทำให้หลง ทำให้เมตตา ตามใจเขาทุกประการ แม้กระทั่งวันที่เขานัดมา ก็เป็นวันที่เขาเลือกแล้วว่าเป็นวันพุธ ซึ่งทางโบราณเขาถือว่าเป็นวันที่เจรจาได้ง่ายที่สุด เพราะตามหลักของโหราศาสตร์ เขาถือว่าวันพุธเป็นปาก แต่เขาก็คงไม่รู้ว่ากระผม/อาตมภาพเป็นใคร..! ดังนั้น..เมื่ออยู่ภายในห้องสอบสวนกัน แล้วเขาขอความเมตตา กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ได้เมตตาให้มาตลอดแล้ว ก็คือเวลามึงทำของใส่แล้วกูไม่สวนให้คว่ำไปตรงนั้นเลย..! ต่อไปให้เลิกเสีย เพราะว่าหาความก้าวหน้าไม่ได้หรอก เนื่องจากว่ากูนี่แหละเป็นต้นตำรับ..!" เขาก็เลยนั่งตะลึงไปประมาณเกือบ ๕ นาที พูดไม่ออกบอกไม่ถูก คาดว่ากลับไปอาจจะ "วิชาเสื่อม" ไปเลย เพราะว่าหมดความมั่นใจ นอกจากเขาจะไม่รู้ว่ากระผม/อาตมภาพเป็นใครแล้ว ยังไม่รู้ว่าภายในศาลา ๑๐๐ ปีฯ แห่งนี้ กระผม/อาตมภาพเอาเบี้ยแก้ตัวครู หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้วใส่พานไว้คู่หนึ่ง..! ...คำว่า เบี้ยแก้ พวกเราต้องเข้าใจว่า คำว่า แก้ คืออะไร ? ส่วนใหญ่คือแก้พวกคุณไสย ไสยเวทย์มนต์ดำอะไรพวกนี้ทุกเรื่อง ถ้าหากว่าบ้านเราอาจจะไม่ชัดเจน แต่ว่าทางพม่าเขาเล่นของพวกนี้หนักกว่าบ้านเรามาก ทุกอย่างทางด้านนั้นถือโชคถือลาง ถือเคล็ด ถือเวทมนตร์ไสยศาสตร์เป็นหลัก กระผม/อาตมภาพเจอเข้าหลายครั้ง ต้องบ่นภาษาวัยรุ่นว่า "กูจะบ้า..!" เนื่องเพราะว่าด้วยความเคยชิน พอถึงเวลาจะเดินทาง กระผม/อาตมภาพก็กำหนดวันไปวันกลับแน่นอนแล้ว วันนี้จะต้องกลับถึงเมืองไทยให้ได้ แต่พอไปเช่ารถ เขาบอกว่า "วันนี้ไม่วิ่งรถ เพราะว่าเป็นวันจม" คือสมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นการสัญจรทางน้ำ วันจมวันลอยจึงเกี่ยวกับเรื่องของเรือ แต่แม้กระทั่งมาใช้รถแล้ว เขาก็ก็ยังถือวันจมวันลอยอยู่ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสังเกต แต่คงไม่มีโอกาสสังเกตหรอกกระมัง ? บรรดาผู้หญิงที่มี "อาชีพอย่างว่า" ทางฝั่งโน้น พกแมลงภู่คำทุกคนเลย ส่วนใหญ่ก็มัดติดกับสายยกทรงไว้ เพราะว่าแมลงภู่คำก็อยู่ในลักษณะเดียวกับเบี้ยแก้ ก็คือบรรจุปรอท #ซึ่งส่วนใหญ่จะล้างพวกอาถรรพ์ไสยศาสตร์ต่าง ๆ ได้ #ช่วยป้องกันการกระทำของผู้ชายได้..! เนื่องเพราะว่าแม้แต่ในบ้านเราก็เหมือนกัน พวกบาร์ผู้ชาย หรือว่าพวกไนท์คลับที่มีผู้หญิงอยู่ ไม่มีใครที่ไม่เล่นของพวกนี้ เพราะว่าต้องการดึงให้ลูกค้าติด จะได้มาหาบ่อย ๆ แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นประเภทไสยศาสตร์ฝ่ายต่ำ ประเภทเด็กอนุบาลอย่างที่กระผม/อาตมภาพว่าไป คือถ้ากำลังใจของเรามีสมาธิทรงตัวก็รอดแล้ว ยกเว้นประเภทที่ทำให้กินเข้าไป คราวนี้ของพวกนี้มีทั้งไสยเวทย์อาคม วัตถุอาถรรพ์ต่าง ๆ แม้กระทั่งน้ำมันพราย ถ้าจะเอาตัวรอดกันจริง ๆ ก็พกเบี้ยแก้ หรือว่าแมลงภู่คำที่บรรจุปรอทป่าเอาไว้บ้าง กระผม/อาตมภาพก็พกเบี้ยแก้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าพกเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ถามว่าทำไมพกเบี้ยแก้หลวงปู่เจือ ทั้ง ๆ ที่ของหลวงปู่รอด วัดนายโรงก็มี ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วก็มี ? ก็เพราะว่าของเหล่านั้น "เอาไว้ขาย" เป็นของแพง เนื่องจากคนต้องการมาก..! ในเรื่องของเบี้ยแก้นั้น ถ้าหลัก ๆ เลยบ้านเรามาจากตำราวัดประดู่โรงธรรม ซึ่งสืบสายมาจากสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว หรือถ้าหากว่านามเดิมก็คือพระมหาเถรคันฉ่อง พระมหาเถระชาวพม่า ที่ถือว่าเป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาก่อน บ้านเราถ้าหากว่าเบี้ยแก้นี่ แยกออกเป็นสายหลัก ๆ ได้เลยก็สามสายด้วยกัน ก็คือสายหลวงปู่รอด วัดนายโรง กับสายวัดกลางบางแก้ว แล้วก็สายหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ ที่เขาเรียกว่า "สายอ่างทอง" แต่ว่าสายของหลวงปู่รอด วัดนายโรงกับสายวัดกลางบางแก้วนั้น ถือว่าเป็นสายเดียวกัน เรื่องนี้พระครูธรรมวิจารณ์ หรือหลวงปู่ชุ่ม วัดชีปะขาว ซึ่งปัจจุบันชื่อวัดศรีสุดารามวรวิหาร ท่านเล่าให้ฟังว่า หลวงปู่แขก วัดบางบำหรุ ที่เป็นครูบาอาจารย์สอนวิชาเบี้ยแก้ให้หลวงปู่รอด วัดนายโรงนั้น เป็นพระภิกษุชาวนครชัยศรี ธุดงค์ขึ้นไปทางด้านบางบำหรุแล้วชอบใจพื้นที่ ก็เลยอยู่จำพรรษาที่นั่น จนคนไม่รู้ที่มาที่ไปแล้วว่าเป็นคนมาจากที่ไหน ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าในสมัยรัชกาลที่ ๒ ที่ ๓ ทางด้านธนบุรีของเราเป็นป่าขนาดไหน เอาแค่สมัยที่กระผม/อาตมภาพเป็นวัยรุ่นก็พอ เพราะว่าบ้านยายอยู่ตรงสามแยกไฟฉาย พอเดินเข้าหลังบ้านไป ก็จะเป็นสวนลักษณะที่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าสวนสมรม ก็คือปลูกสารพัดพืชผักด้วยกัน แล้วแต่ละสวนบางทีก็ต่อเนื่องกันไปหลาย ๆ ร้อยไร่..! ดูแลกันไม่ทั่วถึงก็มีสภาพเป็นป่าดี ๆ นี่เอง ถ้าถามว่าบ้านคนอยู่ที่ไหน? ส่วนใหญ่บ้านคนจะปลูกอยู่ริมคลอง มีท่าน้ำยื่นลงไปในคลอง เป็นที่อาบน้ำอาบท่า ซักผ้า ใส่บาตร หรือว่าผูกเรือแพของตนเอง นี่ขนาดช่วงกระผม/อาตมภาพเป็นวัยรุ่นแล้วยังเป็นป่าดี ๆ นี่เอง พวกเสือปลา ชะมด อีเห็นเต็มไปหมด โดยเฉพาะเหี้ย ตัวใหญ่อย่างกับจระเข้ แล้วสมัยรัชกาลที่ ๒ ที่ ๓ จะเป็นป่าขนาดไหน พระท่านถึงไปธุดงค์กันที่นั่น..! ดังนั้น..ในส่วนของหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา หลวงปู่ปาน วัดกลางบางแก้ว แล้วก็หลวงปู่แขก วัดบางบำหรุ ท่านน่าจะศึกษาวิชาจากสายเดียวกัน เพราะว่าต้องเลือกเบี้ยแก้ที่มีฟัน ๓๒ ซี่ และบรรจุปรอทน้ำหนัก ๑ บาท แต่ทางสายอ่างทองของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์นั้น ต้องบอกว่าด้วยความที่ท่านเป็นพระอภิญญา ดัดแปลงวิชาการเอง ทางด้านโน้นก็เลยบรรจุปรอทตามขนาดของเบี้ย ไม่ได้สนใจว่าจะหนักเท่าไร ของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ถือว่าหายากที่สุด ราคาแพงมาก กระผม/อาตมภาพบูชามาตัวสุดท้ายหลายปีก่อน ราคา ๔๐,๐๐๐ บาท..! เบี้ยแก้สายอ่างทองรองลงไปเป็นของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ แล้วก็หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน เบี้ยแก้ของสองท่านนี้แยกจากกันยากมาก เพราะว่าซื้อหอยเบี้ยจากร้านเดียวกันมาทำ แล้วถึงเวลาลูกศิษย์เอาไปเลี่ยม ก็ร้านเดียวกันอีก แต่คราวนี้เป็นที่สังเกตว่า ถ้าเป็นเบี้ยแก้ของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ เวลาเราเขย่าจะมีเสียงเหมือนมีทรายอยู่ข้างใน ถ้าเป็นของหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน ก็จะเป็นเสียงปรอทขลุก ๆ ตามปกติ กระผม/อาตมภาพไปกราบหลวงปู่เจือ ตั้งใจว่าจะไม่รบกวนท่าน ตั้งท่าไปบูชาวัตถุมงคลในตู้เอง ท่านกวักมือเรียก บอกว่า "จะเอาเบี้ยให้มาเอาที่ผมนี่..!" ถึงท่านไม่พูดอีก ก็เป็นอันว่ารู้กันว่าในตู้นั่นปลอมทั้งนั้น..! เพราะว่าไอ้คนขายก็คือคนที่ทำเบี้ยแก้ให้ท่านนั่นแหละ แล้วก็ทำขายเองด้วย เพียงแต่หลวงปู่ไม่ได้เสก ไม่ได้ลงให้..! คราวนี้ถ้าหากว่าเป็นเบี้ยแก้สายอื่นที่มีหลุดรอดออกไปจากสายวัดกลางบางแก้ว มีหลวงพ่อกา วัดแค นครชัยศรี อันนี้ก็สายเหนียว สังเกตง่าย เบี้ยแก้มีห่วงเดียว แล้วห่อด้วยผ้ามุ้งชุบรัก เพราะฉะนั้น..จะเป็นตาข่ายยิบ ๆ แล้วก็มีห่วงเดียว ถัดจากนั้นก็หลุดไปโน่นเลย หลวงพ่อไพล วัดบางแคกลาง สมุทรสงคราม ไม่รู้ว่ามาได้อย่างไร ? ไม่รู้ว่าใครเป็นครูบาอาจารย์ของท่าน แต่เบี้ยแก้ของท่าน แถวนั้นนิยมมาก บอกว่ากันผีเด็ดขาดที่สุด..! แล้วถ้าจะเอาหายากสุด ๆ ก็เบี้ยแก้พอกครั่ง หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพราะว่าเบี้ยแก้พอกครั่งของท่านก็มาจากการที่ท่านทำในเรื่องครั่งจนกระทั่งดังแล้ว ก็เลยเอามาใช้กับเบี้ยแก้ด้วย แต่ในชีวิตของกระผม/อาตมภาพ ได้มาแค่ ๕ - ๖ ตัว ต้องบอกว่าได้มาน้อยกว่าของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ที่หายากเสียอีก..! คราวนี้ในเรื่องของเบี้ยแก้ ถ้าหากว่าเราพกติดตัว ไม่ว่าจะอยู่ในป่า อยู่ในบ้าน ต้องปลุกไว้เป็นปกติ ไม่ใช่ว่าพกเอาไว้เฉย ๆ เหมือนอย่างกับพกสากกะเบือ..! วัตถุมงคลทุกอย่าง ถ้าเราจะใช้ให้เกิดผล จะต้องมีการปลุกเป็นปกติ คาถาไปหาเอาได้ ตาม "กูเกิ้ล" มีเยอะแยะไป ชอบใจบทไหนก็ว่าไปเลย อานุภาพมีครบแต่เน้นด้านใดเท่านั้น มีของสายวัดกลางบางแก้วที่หลากหลายหน่อย จะใช้ประเภทปกติทั่วไป หรือจะเอาประเภทเหนียว หรือจะเอาประเภทถอนคุณถอนของนั่นมีหมด ส่วนใหญ่ของสายอื่นจะไปเน้นเรื่องความเหนียวมากกว่า ดังนั้น..ไอ้ตัวแสบไม่รู้ว่า นอกจากเบี้ยแก้ตัวครู หลวงปู่เจือในศาลานี้แล้ว กระผม/อาตมภาพยังพกเบี้ยแก้ติดตัวด้วย ทำไปก็เหนื่อยเปล่า รำคาญก็เลยเตือนไป บอกว่า "ให้เลิกซะ..ไม่มีประโยชน์หรอก เหมือนอย่างกับเด็กอนุบาลจะมาเล่นอะไรกับคนจบปริญญา คุณก็หาเรื่องเดือดร้อนเอง..!" แต่คราวนี้พอไกล่เกลี่ยเสร็จ แต่คาดว่าเขาคงทำไม่ได้หรอก เพราะว่าผู้กำกับท่านคงเห็นแล้วว่า ไม่มีทางหรอกที่จะทำงานเราให้เสร็จ แต่ว่าถ้าหากว่าเขาไม่ทำตามสัญญาภายในสิ้นเดือนมกราคม แล้วส่งหัวรถจักรให้เรา เราสามารถฟ้องในข้อหาฉ้อโกงได้เลย เพราะว่าเขาตั้งเจตนาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ———————//////——————- แล้วกระผม/อาตมภาพก็ต้องนำเอาลูกแก้วอินทนิล ซึ่งได้รับมาเนิ่นนานแล้ว และแทบจะไม่ได้ใช้งานเลย เอามาประกอบในพิธีครั้งนี้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ทางด้านวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ได้จัดสร้างวัตถุมงคลหลายอย่างหลายประการด้วยกัน ที่จำได้ก็มีเบี้ยแก้ มีลูกอมเมฆสิทธิ์ มีพระปิดตาหนุนดวง มีพระกริ่งพิชัยสงคราม มีพระขรรค์ มี "ลูกแก้วอินทนิลน้อย" กระผม/อาตมภาพไม่ได้คิดจะนำแก้วอินทนิลออกมาใช้งาน เนื่องเพราะว่าถ้าไม่มีคำสั่งจากท่านปู่พระอินทร์เจ้าของดวงแก้วก็จะไม่นำออกมา ปรากฏว่างานนี้ท่านปู่พระอินทร์ท่านมากำกับด้วยองค์ท่านเอง จึงจำเป็นที่จะต้องนำออกมาตั้งเป็นองค์ประธาน ระหว่างที่กราบอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหมเทวดาทั้งหมด ก็ยังได้กราบเรียนสอบถามท่านปู่พระอินทร์ว่า ในเมื่อนำเอาแก้วอินทนิลมาประกอบอยู่ในพิธี