พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68

พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68
พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68พระปัจเจกพุทธเจ้า (องค์ต้นแบบพาติน่า) พิธีหลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี 68
หมวดหมู่ หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
ราคา 7,990.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 27 พ.ย. 2568
อัพเดทล่าสุด 27 พ.ย. 2568
จำนวน
ชิ้น
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาพวกเราผ่านพิธีนี้มาก รายละเอียดฟังได้จาก
"เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๘"
---วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตรงกับวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือนอ้ายปีมะเส็ง ฤกษ์อมฤตโชค หรือที่หลายท่านเรียกว่าฤกษ์มหาเศรษฐี เนื่องเพราะว่าฤกษ์อมฤตโชคนั้นถือว่าเป็นฤกษ์ดีที่สุดตามตำราฤกษ์พรหมประสิทธิ์ แล้วมาตรงกับวันศุกร์ ซึ่งถือกันว่าเป็นวันเงินวันทอง จึงทำให้บางท่านเรียกฤกษ์อมฤตโชควันศุกร์ว่า “ฤกษ์มหาเศรษฐี” ไปโดยปริยาย 
---กระผมอาตมภาพ ต้องเดินทางฝ่าลมหนาวและฝนหนาวที่ตกปรอยๆ ไปยังสำนักปฏิบัติธรรมอนันต์บูรพาราม บ้านมาบฟักทอง หมู่ที่ ๑๑ ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อทำการสรวงบูชาพระรัตนตรัยและขออนุญาตปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับพระครูโก้ พระครูสังฆรักษ์ฬัสวัชร์ ฐิตสีโล เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมอนันต์บูรพาราม เมื่อไปถึงนั่งพักผ่อนเล็กน้อยก็ขออนุญาตทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัยเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจ ถ้าเผลอเมื่อไหร่ฝนเทลงมาก็จะเป็นเรื่องทันที 
---แล้วก็ได้เข้าไปทำการจุดเทียนชัย และปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ในพิธีที่นั้น ซึ่งในส่วนของการปลุกเสกนั้นก็เห็นมีวัตถุมงคลหลายสิ่งหลายประการเช่นกัน ที่เป็นรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่ารูปพระสงฆ์ถือว่าเป็นสิ่งที่ง่ายต่อการปลุกเสก เหตุเพราะว่าการขอบารมีพระ มาเสกพระนั้น  ถ้าหากว่าตามสายวิชาการของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุงแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย แต่ว่าข้าวของอื่นๆในพิธีนั้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะทำยาก อย่างเช่นว่ามีรูปนางอัมพาลีเถรี และรูปนางสิริมาหญิงนครโสเภณีอยู่ในนั้นด้วย พระครูโก้ท่านแจ้งว่า  จะให้บรรดาท่านทั้งหลายที่ทำการค้าขายเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ หรือว่าทำงานกลางคืนเอาไว้บูชา  กระผมผมอาตมภาพก็ได้แต่ถอนหายใจ เนื่องเพราะว่านางอัมพาลีนั้น ภายหลังก็บวชเป็นภิกษุณีสำเร็จพระอรหันต์ ส่วนนางสิริมานั้น ท่านเป็นน้องของท่านปู่หมอชีวกโกมารภัจจ์ มาภายหลังก็สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ซึ่งสิ่งที่ท่านมีนั้นต้องบอกว่ามากมายมหาศาล แต่ว่าเรากลับไปต้องการนิดเดียวเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดีรูปวัตถุมงคลชิ้นนี้ อย่างน้อยก็มีรูปภิกษุณี ที่ถือว่าเป็นรูปพระสงฆ์อยู่ด้วย โดยเฉพาะภิกษุณีอรหันต์ก็ถือว่าไม่ได้ไกลพระพุทธศาสนามากนัก
---วัตถุมงคลอีกชุดหนึ่งนั้นเป็นผ้ายันต์รูปนางพันธุรัตน์และสังทอง ซึ่งมีพระคาถาจินดามณี ซึ่งถือว่าเป็นคาถาเรียกลาภ ตามวรรณคดีสังข์ทองนั้น ด้วยความที่นางพันธุรัตน์แม้ว่าจะเลี้ยงพระสังข์เติบใหญ่ก็ตาม แต่พระสังข์ก็เกรงกลัวว่าเป็นนางยักษ์อาจจะจับตนกินเมื่อไหร่ก็ได้ จึงได้ขโมยรูปเงาะ ไม้เท้า และเกือกแก้ว ไปชุบตัวในบ่อทอง จนผิวกลายเป็นทอง แล้วก็ใส่ชุดเหาะหนีไป แต่ด้วยความที่นางพันธุรัตน์เป็นนางยักษ์มีฤทธิ์มาก จึงพยายามติดตามไป จนกระทั่งถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง พระสังข์ทองเห็นว่าหนีไม่พ้นแล้ว จึงอธิษฐานขอบารมีของแม่ช่วยรักษาตนให้รอดพ้นจากอำนาจของยักษ์ด้วย บารมีแม่หรือว่าอานุภาพแห่งความเป็นมารดาที่ยิ่งใหญ่ไพศาล ถึงขนาดศาสนาฮินดูได้สร้างเป็นรูปอุมาโยนิ ก็คืออวัยวะเพศหญิงที่ถือว่าเป็นของพระอุมา เป็นแหล่งกำเนิดสรรพชีวิต เอาไว้ให้บรรดาศาสนิกของตนได้ทำน้ำมนต์บูชา ตรงนี้ถ้าหากว่าใครเข้าใจเคล็ดลับของศิวลึงค์ หรือที่บ้านเราเรียกว่าปลัดขิกและอุมาโยนิ ที่บ้านเราเรียกว่าอิเป๋อก็ตาม ถ้าสามารถเข้าถึงตรงจุดนี้ได้จะเสกปลัดขิกและอีเป๋อได้ขลังสุดๆ เนื่องเพราะว่าอานุภาพถึงขนาดสามารถสร้างโลกและสรรพชีวิตได้เลย แต่ถ้าไม่เข้าถึงตรงนี้ก็ยากที่จะทำได้ ด้วยอานุภาพแห่งแม่ จึงทำให้นางพันธุรัตน์ไม่สามารถจะขึ้นไปจับตัวพระสังข์บนยอดเขาได้ จึงได้แต่ร้องไห้เสียใจว่าตนเองเลี้ยงพระสังข์มา ด้วยความรักแท้ๆ แต่ทำไมลูกถึงได้หนีตนเองมาเช่นนี้ ท้ายที่สุดก็ตรอมใจ แต่ก่อนจะตายก็ได้เขียนมนต์จินดามณี ซึ่งใช้เรียกเนื้อเรียกปลามาหาตนเอง เท่ากับว่าเป็นนางยักษ์ที่นอนรออยู่เฉยๆ ก็มีอาหารกินตลอดเวลา ให้พระสังข์ได้เรียนเอาไว้ และภายหลังก็สามารถชนะ ๖ เขยซึ่งท้าหาเนื้อหาปลาแข่งกัน เพราะคิดว่าตนเองมีบริวารมากอย่างไรเสียก็คงจะหาเนื้อหาปลาชนะพระสังทองแน่นอน แต่ว่าพระสังข์ทองในรูปเจ้าเงาะอาศัยมนต์จินดามณีนี่แหละ เรียกเนื้อเรียกปลาไปหมด เมื่อหกเขยต้องการเอาชนะมาขอเนื้อขอปลา ก็ขอแลกกับหูและจมูกของ ๖ เขยเป็นการกลั่นแกล้งบุคคลที่หมายชีวิตตนเอง ด้วยการทำให้อัปปลักษณ์แค่นั้น แล้วแถมยังแพ้สังข์ทองเสียด้วย โบราณาจารย์ของเราจึงได้ผูกพระคาถาจินดามณีนี้ขึ้นมาอยู่ในลักษณะของพระคาถาเรียกลาภ เพียงแต่ว่าท่านพระครูใหม่ พระครูสังสังฆรักชัยพร อภโย (อนาภโย) อดีตเจ้าอาวาสวัดทรงเมตตาวนาราม จังหวัดชลบุรี ท่านมีฝีมือในการเขียนยันต์ต่างๆได้สวยงามมาก จึงได้เขียนยันต์เป็นรูปนางพันธุรัตน์ มีพระสังข์นั่งอยู่บนหอย แล้วก็มีพระคาถาต่างๆล้อมรอบ ก็ต้องบอกว่าอยู่ในลักษณะของผ้ายันต์เรียกลาภนั่นเอง แต่ว่าอยู่ห่างไกลพระพุทธศาสนาไปหน่อย โดยเฉพาะถ้าบุคคลขี้สงสัย แทนที่จะตั้งหน้าตั้งตาภาวนาพระคาถาจนกระทั่งจิตสงบ บังเกิดอำนาจสมาธิสำเร็จเป็นมโนมยา ก็จะไปสงสัยว่านางพันธุรัตน์มีจริงหรือไม่ พระสังข์มีจริงหรือไม่  เรื่องนี้เป็นแค่นิยายในวรรณคดีเท่านั้น ถ้ามัวแต่สงสัยอยู่อย่างนี้ก็จบกันพอดี 
---ดังนั้นในเรื่องของการสร้างวัตถุมงคล จึงควรจะเป็นเรื่องที่ไม่ให้ห่างไกลจากพระพุทธศาสนามากนัก ถ้าหากว่านึกถึงหลวงปู่บางท่านที่ขอไม่ออกชื่อ แม้ว่าท่านจะสร้างปลัดขิกแต่ไม่จานไม่เจิมอะไรเลยทั้งสิ้น ท่านบอกว่าพระคาถาแต่ละตัวล้วนแล้วแต่เป็นหัวใจในพระธรรมทั้งสิ้น โดยเฉพาะถ้าหากว่าเป็นหัวใจพระรัตนตรัยด้วย ไปลงในปลัดขิก ซึ่งถือว่าเป็นของต่ำ อยู่ในลักษณะไม่เคารพพระรัตนตรัย ดังนั้นวัตถุมงคลของท่านแม้จะสร้างเป็นปลัดขิก แต่ไม่มีร่องรอยการจานต่างๆเลย ท่านลองไปศึกษาดูว่าเป็นปลัดขิกของสำนักไหน แต่กระผมอาตมภาพยืนยันว่าปลัดขิกของท่านขลังจริงๆ เราจะเห็นว่าครูบาอาจารย์ที่ท่านมีความเคารพในพระรัตนตรัยจริงๆนั้น ก็พยายามเลี่ยงห่างจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ 
---อีกส่วนหนึ่งก็เป็นน้ำมันว่านไก่แดง ที่ถือว่าเป็นสายเสน่ห์ กระผมอาตมภาพเองเห็นแล้วก็ได้แต่หนักใจ เพราะว่าถ้าเป็นเรื่องของเสน่ห์แล้ว ท่านทั้งหลายควรที่จะปฏิบัติในสังคหวัตถุ ๔ ก็คือ 
  ทาน รู้จักให้ปันต่อคนอื่นที่ขาดแคลน 
  ปิยวาจา กล่าวแต่คำดี กล่าวแต่สิ่งที่เป็นอรรถเป็นธรรมกับคนอื่นเขา รู้จักพูดจาให้กำลังใจคนอื่นเขา
  อัตถจริยา ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นหรือช่วยเหลือกิจการงานของคนอื่น และ
  สมานัตตตา เป็นบุคคลที่สร้างคุณงามความดีโดยเสมอต้นเสมอปลาย เป็นบุคคลที่เอาใจเขามาใส่ใจเราตนเองไม่ชอบสิ่งใดก็ไม่ทำสิ่งนั้นกับคนอื่น เนื่องเพราะรู้ว่าคนอื่นก็จะไม่ชอบใจด้วยเหล่านี้เป็นต้น
  ถ้าท่านสามารถปฏิบัติในสังคหัตถุ ๔ นี้ได้ ก็จะเป็นผู้ที่มีเสน่ห์ ไปไหนก็มีแต่คนรักใคร่เมตตายินดีต้อนรับ แต่ว่าพวกเรากลับมาต้องการในสิ่งที่มาโยงใจของคนอื่นในลักษณะผูกจิตดึงจิตเขาให้เคารพเราให้รักเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืน เพราะว่าถ้าหากพ้นจากอำนาจของวัตถุนั้นๆ เขาก็จะมีความรู้สึกเหมือนเดิม ก็คือถ้าไม่รักใคร่เมตตาก็คงไม่รักใคร่เมตตาต่อไป
---อีกส่วนหนึ่งเป็นศาตราวุธต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดาบ เป็นขวาน เป็นพระขรรค์ ซึ่งเซียนไก่ บ้านฆ้อง นายปริญญานัฏธี ได้นำมาเข้าพิธีด้วย และเมื่อเสร็จพิธีแล้ว ยังถวายกระผมอาตมภาพมาด้วย เซียนไก่บอกว่า ช่วงนี้ชายแดนสถานการณ์ไม่ดี เรื่องของอาวุธ จึงขออยู่ในลักษณะที่เป็นมหาอำนาจ ป้องกันต่างๆด้วย 
---กระผม/อาตมภาพอธิษฐานจิตเสกไปให้ตามที่ทุกท่านต้องการ จนกระทั่งภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขยายใหญ่เต็มมณฑลพิธีแล้ว จึงได้ลืมตาขึ้นมาทำน้ำมนต์ พรมจนทั่วบริเวณ รับไทยธรรมแล้ว ก็รีบขอตัวกลับ ขนาดนั้นก็ยังเจอฝนกลางทาง ทำเอารถติดหนุบหนับแทบจะไม่ทันเพล โดยที่ไม่ทันได้ดูว่าทางด้านพระครูโก้นิมนต์ใครมาบ้าง ได้ยินว่ามีหลวงพ่อบุญส่ง อุปสโม หรือว่าท่านพระครูพิศาลสันติคุณ เจ้าอาวาสวัดเขาแร่ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ อำเภอทุ่งสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาด้วย ส่วนท่านอาจารย์บ๊ะ พระอาจารย์สิริชัย ชยธัมโม วัดโพธิลังการ์ อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ที่เมื่อวานนี้นัดแนะกันเป็นอย่างดีว่า ใครไปถึงก่อนก็ลุยก่อนไม่ต้องมีการรอกัน แต่ปรากฏว่าวันนี้ จนกระผม/อาตมภาพเดินทางกลับแล้วก็ยังไม่เจอหน้าเลย ครั้นกลับมาถึงและฉันเพลแล้ว ได้เข้าไปตรวจการในเว็บไซต์วัดท่าขนุน เห็นว่าเบี้ยแก้ที่นำไปลงให้นั้น มีบุคคลคนจองจนหมดแล้ว จึงได้กัดฟันนำเอาเบี้ยแก้ชุบรักหนา คือเบี้ยแก้ยุคต้น ๑๐ องค์สุดท้าย มาถ่ายรูปส่งให้ไอ้ตัวเล็กนำไปให้กับบุคคลที่ต้องการบูชาในราคานี้ ถ้าไม่ใช่แย่งกันบูชาจนเว็บแตกจริงๆ ก็คงจะหยุดลงเพียงแค่นี้ แต่ถ้าหากว่าแย่งกันบูชาจนเวบแตกจริงๆ อาจจะต้องสละเบี้ยแก้ที่หุ้มดิ้นเงินดิ้นทอง เหลืออยู่อีกอย่างละ ๑๐ องค์ออกไปอย่างเป็นแน่แท้ สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
 
ลิงก์วิดีโอ:http://www.youtube.com/watch?v=JX_3xvPMKhs



วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ออมทรัพย์
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขากองบัญชาการกองทัพบก ออมทรัพย์
  • ค่าธรรมเนียม 3.9% + 11 THB
  • การชำระผ่าน PayPal คุณไม่จำเป็นต้องแจ้งชำระเงิน เนื่องจากระบบจะจัดการให้คุณทันที ที่คุณชำระเงินเสร็จสมบูรณ์

CATEGORY

       เพิ่มร้านณัชชาเป็นเพื่อน    
       ด้วย QR Code
ด้านล่างนี้  

       บัญชีร้านณัชชา      

CONTACT US

0851242951

STATISTICS

หน้าที่เข้าชม2,033,539 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด1,300,654 ครั้ง
เปิดร้าน12 ก.ค. 2558
ร้านค้าอัพเดท30 พ.ย. 2568

MEMBER

พูดคุย-สอบถาม