#วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ ในช่วงเช้าก็ต้องทำการขอสัตตาหกรณียะเพื่อจะได้ออกจากวัด เนื่องจากว่างานในวันนี้นั้นไม่สามารถที่จะกลับวัดได้ภายในวันเดียว
#เมื่อทำพิธีเปิดเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาร่วมงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลในโอกาสฉลอง ๑๒๐ ปีวัดเวฬุวนาราม เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดไผ่เขียว
#การเดินทางจากวัดท่าขนุนมาถึงวัดไผ่เขียวนั้น แม้ว่าอาศัยกูเกิ้ลแมพเพื่อความคล่องตัวแล้ว ก็ยังใช้เวลาถึง ๕ ชั่วโมง เมื่อมาถึงนั่งได้แค่ไม่กี่นาที บรรดาพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับนิมนต์ด้วยกันก็มาถึง หลังจากที่กราบทักทายพูดคุยกันได้พักหนึ่ง ทางวัดก็ขอให้ขึ้นประจำอาสนะ เตรียมการพุทธาภิเษกเลย เพราะว่าพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อคฺคชินมหาเถร) กรรมการมหาเถรสมาคม เลขานุการในองค์สมเด็จพระสังฆราช ได้เดินทางมาถึงในมณฑลพิธีแล้ว
#กระผม/อาตมภาพเมื่อได้กราบทักทายพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์แล้ว ก็เข้าสู่สมาธิ กราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้สงเคราะห์ในวัตถุมงคลรุ่นนี้ ปรากฏว่าเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเครื่องจักรพรรดิ แสดงอาการที่เรียกว่าปางเปิดโลก มีรับสั่งว่าให้ภาวนากรณียเมตตสูตร ๓ จบ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในพิธีนั้นมีมีดหมออยู่ชุดหนึ่งด้วย
#หลังจากที่ภาวนาเสร็จแล้ว พระองค์ท่านก็ให้ภาวนาอิติปิโสฯ ๓ ห้อง ๕ จบ ต่อด้วยพระคาถาชินบัญชร พระคาถาเงินล้านสูตรพิเศษ และสิ่งหนึ่งประการใดเล็กน้อย ตามที่พระองค์ท่านจะเมตตาบอกกล่าวมา
#การปลุกเสกวัตถุมงคลในครั้งนี้ต้องบอกว่าเป็นการทำที่ตั้งใจมาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าท่านเจ้าอาวาสเป็นนิสิตปริญญาเอกมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยรุ่นน้อง แต่ว่าจบปริญญาเอกมาเช่นเดียวกัน ในเมื่อได้รับการติดต่อมา จึงตั้งใจมาด้วยความเต็มใจ
#คราวนี้การปลุกเสกวัตถุมงคลในแต่ละงานนั้น เราไม่สามารถที่จะกำหนดได้ว่างานครั้งนี้ต้องทำอะไรบ้าง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถ้าหากว่าพิธีกรรมถูกต้องทุกประการ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะเสด็จมาด้วยพระองค์เอง ถ้าหากว่ามีเวลา พระองค์ท่านก็จะเป็นประธานอยู่ในงานจนเสร็จพิธี ถ้าหากว่ามีเวลาน้อย พระองค์ท่านก็จะมอบหมายให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งบ้าง พระปัจเจกพุทธเจ้าบ้าง พระอรหันตเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งบ้าง หรือว่าพรหม หรือเทวดาองค์หนึ่งองค์ใด ทำหน้าที่ดูแลในงานนั้นแทน เป็นต้น
#ในแต่ละงานนั้น บางทีทางเจ้าภาพก็ไม่ได้บอกกล่าวว่าปรารถนาสิ่งหนึ่งประการใดไว้บ้าง พระองค์ท่านก็จะบอกให้ภาวนาพระคาถาบทโน้นบ้าง บทนี้บ้าง เราก็จะมารู้กันตอนนั้นเองว่า การภาวนาพระคาถาบทนั้น ๆ เกี่ยวข้องกับเรื่องอานุภาพของวัตถุมงคลด้านใด อย่างเช่นว่าด้านมหาลาภ ด้านเมตตามหานิยม ด้านอยู่ยงคงกระพัน เป็นต้น
#ในเมื่อพิธีกรรมต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะกำหนดได้ ก็ต้องแล้วแต่ความเมตตาของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พรหม เทวดา ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งท่านใดที่มา แล้วสั่งให้กระทำการสิ่งหนึ่งประการใด เราก็ต้องกระทำไปตามนั้น ถ้าหากว่าบอกให้เลิกก็ต้องเลิก บอกให้ทำก็ต้องทำ เป็นต้น
#บางครั้งบางคราว เมื่อเริ่มนั่งลง พระองค์ท่านก็บอกว่าเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าให้นั่งไปเรื่อย ๆ ก่อน เหตุที่เป็นเช่นนั้น เมื่อได้กราบเรียนถามแล้วได้รับคำตอบว่า "บางทีคนเขาต้องการอะไรที่นานอยู่สักหน่อย ถ้าหากว่าแกเลิกเร็ว กำลังใจของเขายังไม่ได้ ก็อาจจะทำให้เสื่อมศรัทธา" ดังนั้น...การนั่งบางครั้งก็เป็นการเข้าสมาธิเพื่อเอาใจญาติโยมเฉย ๆ แต่ว่าบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้กำลังสมาธิสูงมาก ๆ ตามแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าครูบาอาจารย์ท่านจะสั่ง
#เรื่องพวกนี้บังคับไม่ได้ บางงานแม้แต่กระทั่งเทวดาหรือว่าเจ้าที่ ท่านก็ดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพิธีกรรมทั้งหลายนั้นไม่ถูกต้อง คำว่าพิธีกรรมไม่ถูกต้องนั้น ส่วนหนึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านย้ำนักย้ำหนากับคณะศิษย์ทั้งหลายว่า ถ้าหากมีการบวงสรวงบอกกล่าวจะกระทำสิ่งหนึ่งประการใด อย่างช้าที่สุดอย่าให้เกิน ๙ โมงครึ่ง เพราะว่าถ้าสายกว่านั้นแล้ว พรหมเทวดาทั้งหลายท่านต้องไปประชุมกันที่เทวสภา บางทีอาจจะไม่มีใครมาสงเคราะห์เลย
#กระผม/อาตมภาพก็เจอมาหลายต่อหลายพิธี ที่บางทีท่านเจ้าภาพได้ทำในเวลาบ่ายบ้าง เวลาค่ำบ้าง โดยที่ไปบวงสรวงกันในตอนนั้น ซึ่งบางพิธีนั้นก็มีแค่เจ้าที่ท่านมาอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย เนื่องเพราะว่าพรหมเทวดาผู้ใหญ่เข้าที่ประชุมกันหมดแล้ว เหลือแต่ท่านที่ต้องดูแลรักษาสถานที่อยู่ เป็นต้น
#แต่ว่าหลายต่อหลายพิธี ถึงแม้จะทำในช่วงบ่ายก็ตาม ช่วงค่ำก็ตาม กลับได้รับการสงเคราะห์อย่างดียิ่ง เหตุเพราะว่าทางเจ้าภาพได้ทำการบวงสรวงไปตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว ก็เป็นอันว่าพิธีการได้บอกกล่าวอย่างถูกต้องสมบูรณ์ จึงได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์อย่างเต็มที่ตามที่ควรจะเป็น
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ที่นำมาบอกกล่าวในวันนี้ เพื่อให้พระภิกษุสามเณรของเราก็ดี ญาติโยมทั้งหลายที่คิดจะกระทำพิธีกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ก็ตาม ได้ตระหนักรู้เอาไว้ว่า ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาบอกกล่าวและสั่งสอนไว้อย่างไร
#สิ่งหนึ่งประการใดที่ท่านบอกกล่าวมา แปลว่าเป็นประสบการณ์ที่ท่านได้รับมาจนกระทั่งเป็นที่จดจำแล้ว ว่าสิ่งนั้นต้องทำตามระยะนั้น ตามเวลานั้นจึงจะบังเกิดผล ถ้าหากว่าทำผิดระยะเวลา ท่านก็ไม่สงเคราะห์ให้
#บางที่ท่านก็ต้องการสัญลักษณ์บางอย่าง ที่เป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพ เราก็ต้องมีให้ ไม่เช่นนั้นท่านก็ไม่สงเคราะห์ เป็นต้น จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายจะต้องศึกษา เรียนรู้ และขณะเดียวกัน ถ้ามีประสบการณ์ตรงได้ ยิ่งเป็นการที่ดีมาก
#หลังจากนี้กระผม/อาตมภาพก็ยังจะติดงานอีกหลายวันต่อเนื่องกัน โดยเฉพาะงานปฏิบัติธรรมของพระนวกะประจำปี ๒๕๖๕ งานประชุมอบรมพระนวกะของอำเภอต่าง ๆ อีกหลายอำเภอ งานประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ งานประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ
#ในระหว่างนั้นก็ยังมีงานปลุกเสกวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่แทรกที่ซ้อนเข้ามา ตลอดจนกระทั่งงานที่ต้องไปเป็นประธานเปิดโครงการต่าง ๆ ซึ่งได้รับงบประมาณไปจากสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ เรียกว่าในแต่ละวัน แต่ละงานนั้นแทบจะไม่มีเวลาให้หายใจ เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพทำงานแบบที่เคยเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมไปแล้วก็คือ ทำงานแบบคนมีวันนี้วันเดียวเท่านั้น
#ในเมื่อเรามีวันเวลาแค่วันเดียว ก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แหงนหน้าจะได้ไม่อายฟ้า ก้มหน้าจะได้ไม่อายดิน ถึงเวลายังอยู่คนเขาก็เกรงใจ ถึงเวลาจากไปคนเขาก็คิดถึง วันรุ่งขึ้นจะมีหรือไม่มีก็ไม่สำคัญ ดังนั้น...ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหน เราก็ทำแค่วันนี้เท่านั้น จึงไม่มีอะไรที่จะเกินกำลังของตน
#สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๓ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
👉เครดิต วัดท่าขนุน