มงคลที่สุดแก้วจักรพรรดิ์และแก้วราหู วัดท่าซุงในงานวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๕ ณ วัดอุทยาน บูชาองค์ละ ๓๕๐ บาท
พิธีพุทธาภิเษก วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๕ วัดอุทยาน องค์แก้วจักรพรรดิ และแก้วราหู วัดท่าซุง เป็นประธาน
รายนามครูบาอาจารย์พุทธาภิเษก
๑.พระครูสมุทรพิทยาคม (หลวงพ่อใจ ฐิตาจาโร) วัดพระยาญาติ
๒.พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.(หลวงตาวัชรชัย) วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)
๓.พระอุดมสิทธินายก, ผศ.ดร. วัดบางอ้อยช้าง
๔.พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.(หลวงพ่อเล็ก) วัดท่าขนุน
๕.หลวงพ่อพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ วัดจันทาราม (ท่าซุง)
๖.พระอาจารย์ศิริชัย ชัยธัมโม (พระอาจารย์บ๊ะ) วัดโพธิ์ลังกา
๗.พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร.วัดอุทยาน
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เล่าเรื่องแก้วจักรพรรดิไว้ในหนังสือ “สมบัติพ่อให้” อยู่ในส่วนของ “แก้วมณีรัตนะ” ซึ่งท่านทำขึ้นมาสงเคราะห์ลูกหลาน ตลอดจนศิษยานุศิษย์มากมายทั้งในและต่างประเทศของท่าน ทำให้เราทราบว่า แก้วจักรพรรดิองค์ต้นแบบนั้น ท่านได้รับมอบมาจากหลวงปู่ครูบาเจ้าชุ่ม
“แก้วนี้ ทำด้วยบารมีพระพุทธเจ้า เวลาทำจริงๆ อาตมาไม่รู้เรื่องเลย ต้องไปศึกษากับท่านมา ๒ คืน คืนแรกที่ขึ้นไป ก็อยากทราบประวัติว่า ลูกแก้วนี้มีประวัติมาจากไหน คือแก้วอาตมา มีอยู่ลูกหนึ่ง ไม่ทราบว่ามาจากไหน ทราบแต่ว่าเป็นของต้นตระกูลสืบต่อกันมาหลายชาติ ก็ขึ้นไปหาโยมท่านที่ดาวดึงส์ ไปถามโยมผู้ชายว่าโยมทราบประวัติของลูกแก้วนี้ไหม ท่านบอกว่า ท่านทราบประวัติแต่ไม่เคยใช้มาก่อน คนที่เคยใช้จริงๆ คือโยมผู้หญิง โยมผู้หญิงท่านบอกว่า ท่านใช้มาแล้วหลายสิบชาติ และก็สมัยครองราชย์ ท่านบอกว่า เรามีแก้วลูกเล็กลูกเดียว ประชากรในประเทศของเรายังไม่มีใครจนเลย ท่านเลี้ยงพอ ก็เลยถามประวัติความเป็นมา ท่านบอกว่า เดิมทีเป็นลูกแก้วลูกยอดของพระเจ้าจักรพรรดิ เลยถามท่านว่า เวลานี้แก้วของพระเจ้าจักรพรรดิอยู่ที่ไหน ท่านบอกว่า อยู่ที่พระจุฬามณี จึงพาไปดู ความจริงสมัยของพระเจ้าจักรพรรดิที่มีแก้วมณี มีพระขรรค์แก้ว มีเกือกแก้ว มีจักรแก้ว แต่ว่าทั้ง ๔ อย่างนี้อยู่คนละที่ มีเทวดารักษาอยู่ ถ้าใครจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ เทวดาก็จะนำทั้ง ๔ อย่างมามอบให้ แต่ว่าพระเจ้าจักรพรรดิคนนั้นตาย คนอื่นจะรับมรดกแทนไม่ได้ ...เทวดาต้องเอาของเขากลับคืนไป เทวดาท่านต้องหวงแหน เพราะว่าของ ๔ อย่างนี้ ต้องเป็นของคนที่มีบุญพอจึงจะครองไว้ได้
สร้างวัดท่าซุงในตอนแรก หลวงปู่ชุ่มท่านเอามาให้ เมื่อวันที่ท่านจะกลับท่านขึ้นไปหาบนห้อง ท่านบอกว่า "น้อง ไม่ช้าพี่ก็ตาย อยู่ไม่ได้ แต่ว่าน้องจะต้องอยู่อีกนาน" ประวัติเดิม เคยเกิดเป็นพี่น้องกันมา ท่านก็เลยนำแก้วออกมา บอกว่า "แก้วลูกนี้เป็นของต้นตระกูล สืบต่อกันมาหลายชาติ น้องจงรักษาไว้ เมื่อมีลูกแก้วนี้แล้ว จะทำอะไรก็สำเร็จทุกอย่าง"
ในช่วงนั้นสร้างเงินเป็นหมื่นก็เป็นหนี้เขาแต่ว่าต่อมาเมื่อได้ลูกแก้วนี้ ขึ้นมา สร้างอะไรต่างๆ ทางด้านโบสถ์ สร้างทั้งหมดใช้เวลา ๓ ปี โบสถ์หลังเดียวใช้เวลา ๓ ปี ยังไม่ยากจะเสร็จเลย แต่ว่าสิ่งก่อสร้างทางด้านโบสถ์นะ เมื่อได้ลูกแก้วนี้มาแล้วใช้เวลาสร้างทั้งหมด ๓ ปี และก็ ๓ ปีนะ อาตมาไม่ได้ปั๊มเงินเองนะ ก็ได้เงินจากท่านพุทธบริษัททั้งหมดนี่และช่วยสร้าง
และต่อมาปี ๒๕๒๐ ท่านก็สั่งให้สร้างสถานที่ใหม่ ท่านบอกว่า สถานที่นี้ควรจะเป็นที่เพราะพระอริยะเจ้า ท่านมาสั่งสร้าง แล้วท่านก็ออกแบบของท่านเอง ก็เลยคิดตามท่าน ว่าถ้าเป็นแบบนี้จะต้องใช้เงินเดือนหนึ่ง ๖ แสน กับ ๘ แสน สลับกัน ถ้าเดือนไหนใช้ต่ำไปหน่อยอีกเดือนหนึ่งก็จะใช้เกินไป ถามท่านว่า ถ้าจำเป็นแบบนี้แล้วจะไปเอาเงินที่ไหน ท่านบอกว่า "แกทำไปเถอะ ฉันไม่ให้เป็นหนี้มาก ถ้าเป็นหนี้ก็ใช้ง่าย" พอเริ่มลงมือทำเข้าจริงๆ ก็ต้องใช้เงินเดือนละ ๖ แสน กับ ๘ แสน สลับกันมา พอหลังจากน้ำท่วมปีที่แล้ว (ปี ๒๕๒๓) เข้าเดือนธันวาคม ปรากฏว่าค่าใช้จ่ายกลายเป็นเดือนละล้านเศษ แต่ว่าเงินให้เขาไม่พอ ได้จากญาติโยมเท่าไหร่ พวกเจ้าหนี้ก็มาเอาไปหมด แต่เราได้วัตถุคืนมานะ ก็เป็นอันว่า แก้วนี้ถ้ารับไปเพื่อใช้ ให้ทำเป็นกรรมฐานทุกวัน และทุกวันที่บูชาให้บูชาด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า และควรอธิฐานว่า ขอความปรารถนาทุกอย่างจงสำเร็จทุกประการ เท่านั้นแหละ
(หมายเหตุ: ตัวอักษรสีเขียว เป็นข้อความที่ไม่มีในหนังสือ "วังมุย แห่งหริภุญชัย" เนื่องจากเป็นส่วนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติครูบาเจ้าชุ่มโดยตรง - webmaster) — กับ
วัตถุมงคล พระครูวิโรจน์กาญจนเขต