พระสมเด็จยอดบายศรี หลวงพ่อเอ หลวงพ่อเล็ก พุทธาภิเษก ปี ๖๕

(รักษาโรค เดินทางปลอดภัย กันรังสี “ยันต์ด้านหลัง เป็นยันต์ที่ช่วยเเก้ชีวิตตกอับ กลับร้ายกลายดี”)

************************************************

พระสมเด็จยอดบายศรี

วัตถุมงคลหลักที่สำคัญอย่างสุดท้าย คืพระสมเด็จยอดบายศรี พระอาจารย์เล็กเมื่อเดินเข้ามาตรวจงาน ท่านได้เปิดดูพระผงรุ่นนี้ แกะออกมาจากกล่องเพื่อดูทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ปกติจะไม่ค่อยเห็นท่านให้ความสนใจกับอะไรมากนัก เมื่อดูเสร็จท่านยิ้มแล้วพูดว่า เดี๋ยวพระคำข้าวของผมคงต้องทำแบบอื่นแล้ว เมื่อดูด้านหลังท่านเห็นยันต์ดอกบัว ท่านพูดทันทีว่า ยันต์นี้เป็นยันต์ที่โบราณไว้ใช้ช่วยคนประเภทตกอับแล้วกลับฟื้น ให้กลับร้ายกลายดีอะไรทำนองนี้ คนคงไม่รู้ว่ายอดบายศรีนั้นดียังไง ดีแล้ว... เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเสกให้เต็มที่กันไปเลย ท่านหัวเราะแล้วก็เก็บพระเข้ากล่อง

อาตมาได้ใส่ยันต์นี้ไว้ตามนิมิตที่ท่านดลใจ และเข้าใจว่าเน้นหนักไปในด้านรักษาโรคด้วย ให้เดินทางปลอดภัยทุกที่ และเป็นผู้มีโชคด้วย เมื่อพระอาจารย์เล็กได้ขยายอานุภาพเพิ่มเติมให้ฟังอีก ช่างแสนวิเศษ ถือได้ว่าเป็นวัตถุมงคลที่ครบพร้อมทุกประการจริงๆ ที่สำคัญอาตมาได้อธิษฐานขอให้ท่านเสกเพื่อป้องกันรังสีได้ด้วย ซึ่งเรื่องราวช่วงที่อาตมาได้รู้ได้เห็นด้วยตัวเอง กำลังจะถูกเปิดเผย ต่อจากนี้

หลังจากที่คลายสมาธิเพื่อบริกรรมตามคำสั่ง สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าอีกอย่างก็คือ การเสกพระสมเด็จยอดบายศรี งานนี้ เป็นพระเมตตาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง อาตมาได้เห็นระเบิดปรมาณูสีต่างๆ อย่างสีที่เห็นเป็นสีแรกคือ สีแดง วิ่งเข้าปะทะกองวัตถุมงคลแล้วระเบิดออก ดังสนั่นหวั่นไหวแตกกระจายไปทั่ววัด ดุจพสุธากัมปนาท อากาศแทบไม่มีหายใจ รู้สึกว่าอาทิสมานกายแหลกเป็นจุล เลยไปอาศัยหลบอยู่หลังพระอาจารย์เล็กก่อน จากนั้นก็เห็นสีเขียว สีเหลือง สีขาว และสีแก้ว ด้วยอาการที่เหมือนกันทุกประการ โหมกระหน่ำ หนักแน่นและรุนแรง ยังคิดว่า นี่เรากำลังอยู่ท่ามกลางสมรภูมิหรืออย่างไร งานนี้ถ้าไม่มีพระอาจารย์เล็กอยู่ด้วย อาตมาคงแย่แน่ๆ มิน่าเล่า ท่านจึงสั่งให้เตรียมพร้อมร่างกายไว้ให้ดีก่อนการเสก ของอย่างนี้มันต้องใช้ทั้งกำลังกาย และกำลังใจไปพร้อมกันนี่เอง เมื่อทุกอย่างดูสงบลง อาตมาแลเห็นรัศมีสีแก้วประกายพฤกษ์ สาดแสงคลุม อบอวล ลงที่กองวัตถุมงคลอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะกระจายเผื่อไปถึงบริเวณวัด และผู้ร่วมพิธีทั้งหมดทั้งสิ้น

อาตมากราบพระ และผู้มีพระคุณทุกพระองค์ที่เมตตามาสงเคราะห์ให้ในครั้งนี้ พร้อมกับคลายสมาธิ ขณะกำลังจะลืมตา ปรากฏว่าพระอาจารย์เล็กก็ขยับตัวพร้อมปล่อยสายสิญจน์ให้ม้วนเก็บพอดี

งานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลของอาตมา ที่จัดขึ้น ณ อุโบสถวัดท่ามะขาม เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๕ ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้บังคับบัญชา คือ พระอาจารย์เล็ก ได้เมตตามาเป็นประธานในพิธีเสกปิดท้ายรอบนี้ให้

ก่อนจะถึงพิธี อาตมาได้ทำตามคำสั่งของเบื้องบนทุกขั้นตอน มีการบอกกล่าว และขอพระเมตตาไว้ล่วงหน้า เพราะวัตถุมงคลหลักแต่ละชิ้น ล้วนมีความสำคัญอย่างที่สุด อาทิ รูปเคารพท่านปู่พังคราชและท่านย่าพังคราณี(ท่านปู่ ท่านย่าพระอินทร์)

รูปเคารพหลวงพ่อพระอนุรุทธมหาเถระ เนื้อทองเหลืองชนวน ขนาดหน้าตัก ๒ นิ้ว ที่ท่านได้เมตตามาสงเคราะห์ไว้เป็นกรณีพิเศษ

และสุดท้าย ที่ถือเป็นพระสำคัญในชีวิต นั่นคือ พระสมเด็จยอดบายศรี ซึ่งงานนี้อาตมาได้เตรียมพร้อมร่างกายตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำหรับการพุทธาภิเษกเพื่อป้องกันรังสี...เนื่องจากได้มีการขอพุทธานุญาตไว้แล้ว ธาตุขันธ์จึงถือเป็นเรื่องสำคัญมากในการเสก ซึ่งไม่คิดว่า พระอาจารย์เล็กท่านจะเมตตาอธิบายรายละเอียดที่น้อยคนจะมีโอกาสได้รับรู้

เมื่อเริ่มเสก ท่านยื่นสายสิญจน์มาให้อีกตามเคย แล้วพูดว่า “ช่วยๆกัน” อาตมาจำต้องรับมาโดยเร็ว ซึ่งคติส่วนตัวของอาตมา จะไม่ยอมเสกในพิธีที่ครูบาอาจารย์ของเราเสกอยู่ด้วย แต่งานหลังๆมานี้ ท่านมักจะยื่นสายสิญจน์ส่งให้ พร้อมกับพูดแบบนี้เสมอๆ ในเมื่อครูบาอาจารย์สั่งก็จำเป็นต้องทำ ห้ามชักช้า เพราะเพียงท่านส่งสายสิญจน์มาและหลับตาลงเท่านั้น ท่านก็ไปลิบลิ่วทันที อาตมาต้องรีบเข้าสมาธิตะเกียกตะกายตามไปโดยไว เห็นท่านขึ้นสู่จุดสูงสูดแล้วหยุดสนิทนิ่ง บริสุทธิ์ผุดผ่อง แจ่มใสหนักแน่นยิ่งนัก ท่านเข้าเต็มอัตราของท่าน ส่วนท่านจะเจรจากับพระอย่างไร ก็ต้องไปติดตามฟังท่านเล่าเอาเองนะ อาตมาไม่สามารถ เล่าได้เฉพาะในส่วนของตัวเองเท่านั้น

เมื่อมาถึงเราในฐานะเจ้าของงาน จึงยังมีความกังวลเล็กน้อย อีกทั้งมัวห่วงการอธิษฐานขอพรพระด้านต่างๆ เพื่อเสกวัตถุมงคล ใจจึงยังนิ่งไม่พอจนอธิษฐานเสร็จ ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเตือนสติว่า เข้าสมาธิให้เต็มที่ของแกได้แล้ว อย่ามัวห่วงอธิษฐาน ระดับพระเบื้องสูงขนาดนั้น ยิ่งพระพุทธเจ้าด้วยแล้ว แกยังไม่ทันคิดอะไรท่านยังทรงทราบได้เลย จะมีประโยชน์อะไรกับการอธิษฐานของแก ที่ท่านจะไม่ทรงทราบว่าตอนนี้ ควรให้อะไรจึงจะเหมาะสมที่สุด ดังนั้น จงเข้าสมาธิให้เต็มอัตราเท่าที่แกจะทำได้ เพื่อเป็นท่อธารบุญที่หนักแน่นมั่นคง พอที่ท่านจะใช้ผ่านได้ ที่เหลือจะเป็นหน้าที่ ของพระ พรหม เทวดาทั้งหลายเอง แกไม่เกี่ยว...เมื่อโดนดุอย่างนั้น อาตมาจึงรีบเข้าสมาธิตามที่ท่านบอก เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ ได้ยินเพียงว่า คลายสมาธิลงสักหน่อย เพื่อบริกรรมคาถาบทหนึ่งตามที่ท่านบอก ช่วงที่บริกรรมคาถาจึงทำให้สามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้

ท่านปู่ท่านย่า เป็นองค์เสกรูปเหมือนของท่านเอง ภายใต้พุทธรัศมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สวยงามเกินบรรยาย ให้เห็นเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจกว่าทุกครั้ง เนื่องจากครั้งนี้ อาทิสมานกายของท่านย่ามีลักษณะเช่นเดียวกับท่านปู่ เป็นแก้วใสบริสุทธิ์ มีประกายสีทองออกไปกว้างๆโดยรอบ งามจนติดตาตรึงใจเหลือประมาณ จึงทำให้แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร พูดง่ายๆว่ามาเต็มยศ เต็มอัตรา ตามคุณธรรมของท่านทั้งคู่ นี่หรือคือผู้ที่กำลังจะเข้าพระนิพพาน...

ท่านปู่ท่านย่าใส่ให้หมดทุกอย่าง เพราะท่านว่าท่านไม่ได้ใช้แล้ว ทั้งลาภ ยศ บริวาร เมตตา ความสำเร็จ การเรียนการศึกษา ปัญญาที่ดีทั้งทางโลกและทางธรรม สังข์ของท่านปู่ได้หลั่งความเป็นอุดมมงคล ความสมบูรณ์บริบูรณ์ ครบพร้อมทุกด้าน พัดของท่านย่าก็โบกสะบัด เพื่อขจัดปัดเป่าเคราะห์ร้าย และเภทภัยนานัปการ ให้บังเกิดความสุขกายสบายใจแก่ลูกหลาน อีกทั้งท่านยังเรียกบริวารที่เป็นลูกหลานของท่าน หรือพี่น้องของพวกเรา เข้าดูแลรูปเคารพของท่านทั้งหมด ท่านขอแค่ว่าจะบูชาปู่กับย่า ต้องมีศีล ๕ เป็นพื้นฐานนะลูก...

ส่วนหลวงพ่อพระอนุรุทธมหาเถระ เมื่อคราวที่อาตมาสอนกรรมฐานที่บ้านสุมโน ได้มีการพูดสอนเรื่องของท่าน จู่ๆท่านก็ปรากฏในสมาธิทันที ท่านมาในกายพระสงฆ์ห่มผ้าพาดตามสบาย ร่างกายเป็นสีทองทั้งองค์ยิ้มแย้มแจ่มใสแล้วพูดว่า อย่าลืมนะ คำว่า “ไม่มี อย่าได้เกิดขึ้น” คำนั้นอยู่ที่ฉันคนเดียว พรนี้ฉันให้ ให้ทำรูปเคารพของฉันขึ้นมาได้ ฉันอนุญาต แต่จะให้ทำจำนวนเท่าไร ฉันจะจัดการเอง

ส่วนความเป็นเลิศด้านทิพจักขุญาณ ให้เอาไว้ใช้ในการเรียนการสอนพระกรรมฐาน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ พรเหล่านี้ถึงวันเสก ฉันจะมาเสกให้ทั้งหมดที่รูปเหมือนด้วยตัวฉันเอง เมื่อพูดจบท่านก็หายไป เท่ากับว่าอาตมาต้องเร่งดำเนินการโดยด่วนที่สุด เพราะเหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึง ๒ อาทิตย์ก่อนวันเสก...ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีจำนวนจำกัดเหลือเกิน ให้คอยติดตามร่วมบุญได้ที่หน้าเพจเกษมธรรมบำเพ็ญบุญ เร็วๆนี้

วัตถุมงคลหลักที่สำคัญอย่างสุดท้าย คือ พระสมเด็จยอดบายศรี พระอาจารย์เล็กเมื่อเดินเข้ามาตรวจงาน ท่านได้เปิดดูพระผงรุ่นนี้ แกะออกมาจากกล่องเพื่อดูทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ปกติจะไม่ค่อยเห็นท่านให้ความสนใจกับอะไรมากนัก เมื่อดูเสร็จท่านยิ้มแล้วพูดว่า เดี๋ยวพระคำข้าวของผมคงต้องทำแบบอื่นแล้ว เมื่อดูด้านหลังท่านเห็นยันต์ดอกบัว ท่านพูดทันทีว่า ยันต์นี้เป็นยันต์ที่โบราณไว้ใช้ช่วยคนประเภทตกอับแล้วกลับฟื้น ให้กลับร้ายกลายดีอะไรทำนองนี้ คนคงไม่รู้ว่ายอดบายศรีนั้นดียังไง ดีแล้ว... เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเสกให้เต็มที่กันไปเลย ท่านหัวเราะแล้วก็เก็บพระเข้ากล่อง

อาตมาได้ใส่ยันต์นี้ไว้ตามนิมิตที่ท่านดลใจ และเข้าใจว่าเน้นหนักไปในด้านรักษาโรคด้วย ให้เดินทางปลอดภัยทุกที่ และเป็นผู้มีโชคด้วย เมื่อพระอาจารย์เล็กได้ขยายอานุภาพเพิ่มเติมให้ฟังอีก ช่างแสนวิเศษ ถือได้ว่าเป็นวัตถุมงคลที่ครบพร้อมทุกประการจริงๆ ที่สำคัญอาตมาได้อธิษฐานขอให้ท่านเสกเพื่อป้องกันรังสีได้ด้วย ซึ่งเรื่องราวช่วงที่อาตมาได้รู้ได้เห็นด้วยตัวเอง กำลังจะถูกเปิดเผย ต่อจากนี้

หลังจากที่คลายสมาธิเพื่อบริกรรมตามคำสั่ง สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าอีกอย่างก็คือ การเสกพระสมเด็จยอดบายศรี งานนี้ เป็นพระเมตตาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง อาตมาได้เห็นระเบิดปรมาณูสีต่างๆ อย่างสีที่เห็นเป็นสีแรกคือ สีแดง วิ่งเข้าปะทะกองวัตถุมงคลแล้วระเบิดออก ดังสนั่นหวั่นไหวแตกกระจายไปทั่ววัด ดุจพสุธากัมปนาท อากาศแทบไม่มีหายใจ รู้สึกว่าอาทิสมานกายแหลกเป็นจุล เลยไปอาศัยหลบอยู่หลังพระอาจารย์เล็กก่อน จากนั้นก็เห็นสีเขียว สีเหลือง สีขาว และสีแก้ว ด้วยอาการที่เหมือนกันทุกประการ โหมกระหน่ำ หนักแน่นและรุนแรง ยังคิดว่า นี่เรากำลังอยู่ท่ามกลางสมรภูมิหรืออย่างไร งานนี้ถ้าไม่มีพระอาจารย์เล็กอยู่ด้วย อาตมาคงแย่แน่ๆ มิน่าเล่า ท่านจึงสั่งให้เตรียมพร้อมร่างกายไว้ให้ดีก่อนการเสก ของอย่างนี้มันต้องใช้ทั้งกำลังกาย และกำลังใจไปพร้อมกันนี่เอง เมื่อทุกอย่างดูสงบลง อาตมาแลเห็นรัศมีสีแก้วประกายพฤกษ์ สาดแสงคลุม อบอวล ลงที่กองวัตถุมงคลอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะกระจายเผื่อไปถึงบริเวณวัด และผู้ร่วมพิธีทั้งหมดทั้งสิ้น

อาตมากราบพระ และผู้มีพระคุณทุกพระองค์ที่เมตตามาสงเคราะห์ให้ในครั้งนี้ พร้อมกับคลายสมาธิ ขณะกำลังจะลืมตา ปรากฏว่าพระอาจารย์เล็กก็ขยับตัวพร้อมปล่อยสายสิญจน์ให้ม้วนเก็บพอดี

ตรงจุดนี้ อาตมาขอออกตัวก่อนว่า ที่อาตมาอธิบายมาทั้งหมด ในเรื่องการเห็นที่นอกเหตุเหนือผล โดยเฉพาะในส่วนของพระอาจารย์เล็ก อาตมาก็พูดในส่วนที่อาตมาเห็นได้เท่านั้น จงอย่าเข้าใจผิดว่า อาตมาเป็นศิษย์จะมารู้วาระจิตของครูบาอาจารย์ได้อย่างไร...? ไม่ใช่เด็ดขาด ในส่วนที่ไม่รู้ไม่เห็นก็มี เพราะเป็นส่วนของท่าน อาตมาไม่สามารถทราบได้ เพราะกำลังไม่ถึงครูบาอาจารย์เลย ที่รู้ที่เห็นได้ก็ด้วยพุทธานุภาพ ด้วยกำลังของวิชามโนมยิทธิ ไม่สามารถเห็นได้ด้วยกำลังของตัวเองหรอก ดังนั้น งดดราม่านะ

รวมความว่า งานนี้เป็นอย่างที่พระอาจารย์เล็กพูดไว้แต่แรกคือ ท่านไม่มีความหนักใจใดๆเลย วัตถุมงคลแต่ละชิ้นมาตามศิษย์ตามสาย ไม่หลากหลายวุ่นวาย เสกง่ายไม่เหนื่อย ที่สำคัญเมื่อรู้จักมักคุ้นกับองค์ที่มาเสกด้วยแล้ว ทุกอย่างจึงง่ายไปหมด ความโชคดีจึงตกที่ญาติโยมผู้บูชาวัตถุมงคลเหล่านี้ไป นอกจากได้บุญในการบูรณะวัดทั้งวัดแล้ว ยังได้วัตถุมงคลดีๆไปใช้อีกด้วย จึงขออนุโมทนายินดีกับญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาอีกครั้งหนึ่ง

ด้วยความปรารถนาดี

(เครดิตจากเพจ เกษมธรรมบำเพ็ญบุญ”