พระประธานยิ้มรับฟ้า วัดระฆังโฆสิตาราม
รุ่นอนุสรณ์ 151 ปี แห่งการมรณภาพของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
ขนาด หน้าตัก 5 นิ้ว องค์รมดำ ฐานปิดทอง 2 ถอด
ใต้ฐานบรรจุ : ผงเก่าวัดระฆัง ,ทองที่ปิดองค์สมเด็จโต
------------------------------
ถาม : พระของผมดีไหมครับ ? (เอาพระให้ดู)
ตอบ : องค์นี้ท่าพระจันทร์มีเอาไว้แหกตาคนที่ไม่รู้จักของ แต่หลวงพ่อโต วัดระฆัง ท่านให้พรไว้ว่า พระสมเด็จฯ ไม่ว่าจะเก่าจะใหม่ จะจริงจะปลอม ถ้านึกถึงท่านด้วยความเคารพ ท่านจะสงเคราะห์ให้มีอานุภาพเหมือนของจริงที่ท่านทำเอง เพราะฉะนั้น..คุณไม่ต้องกังวลหรอกว่าปลอมหรือไม่ปลอม นึกถึงท่านเป็นอันว่าใช้ได้
เรื่องของพระสมเด็จวัดระฆังที่ราคาไปไกลมากเลย ประการแรก พุทธานุภาพเชื่อถือว่าคุ้มครองได้จริง ในยุคนั้นท่านทำเองกับมือ
แม้จะทำแจกก็ไม่ใช่เครื่องปั๊มแบบสมัยนี้ ก็เลยมีไม่มากพอแก่ความต้องการของคน
ประการที่สอง เป็นการฟอกเงินของนักการเมืองอย่างหนึ่ง นักการเมืองไปรับสินบนเขามา แล้วก็ไปบูชาพระ เสร็จแล้วก็เอาพระไปปล่อยต่อ กลายเป็นว่าเงินที่ตัวเองได้มา เป็นเงินที่ถูกต้องแล้ว เพราะว่าได้เอาพระเครื่องไปให้คนอื่นบูชา แล้วรับเงินมา จึงเป็นการปั่นราคาจนแพงลิบโลก
แต่หลวงปู่ท่านก็รู้จริง เวลาไปบิณฑบาตท่านก็เอาพระใส่ฝาบาตรไปแจกโยม โยมก็ทำท่าไม่อยากจะได้ ท่านบอกว่า "รับไว้หน่อยเถอะจ้ะ นานไปจะแพงมาก"
ประการสุดท้ายที่ทำให้พระเครื่องราคาแพงมาก ก็คือ เซียนพระ ถ้าทุกคนสังเกตจะเห็นว่า บรรดาเซียนพระในปัจจุบัน ส่วนหนึ่งก็คือบรรดานักเลงเก่า พอเข้ามาในวงการพระ ก็ยังมีนิสัยนักเลงอยู่ วันก่อนก็เพิ่งจะมีข่าวยิงเซียนพระท่าพระจันทร์ตายคาวัด เป็นวัดของพระครูวัชรินทร์ เพื่อนของอาตมาเองด้วย..!
มีนายทหารอากาศยศนาวาอากาศโทท่านหนึ่ง อยากได้พระสมเด็จวัดระฆังมาก พอดีมีเจ้าของจะปล่อย ราคาสมัยนั้นหกหมื่นบาทถือว่าแพงมาก เขาก็พยายามรวบรวมเงินได้หกหมื่นบาทแล้วก็ไปบูชาพระ เซียนแหกตาให้น่าเชื่อถือ ด้วยการพาไปรับพระที่เชียงใหม่ อ้างว่าเป็นของตกทอดมาจากบรรพบุรุษของคนขาย พอบูชาสมเด็จวัดระฆังได้มาก็แขวนคอกลับ
ตอนขากลับขับรถแหกโค้ง คนที่ขายพระสมเด็จวัดระฆังให้คอหักตาย ส่วนนายทหารอากาศท่านนั้นไม่เป็นอะไรเลย เขายกมือไหว้ท่วมหัวบอกว่า มีของดีไม่รู้จักรักษา เอามาปล่อยต่อ ตัวเองเลยต้องตาย แต่พอเอาไปเข้าตลาดพระ ใคร ๆ ก็ฟันธงเลยว่าปลอม ปลอมก็ปลอมเถอะ เพราะมีประสบการณ์มากับตัวเองแล้ว เขามั่นใจว่าของเขาแท้
มีพระอยู่แค่สององค์ในปัจจุบันนี้ที่จะใหม่จะเก่า จะจริงจะปลอม ถ้านึกถึงท่านด้วยความเคารพ ท่านจะสงเคราะห์ให้มีอานุภาพเหมือนของจริงอย่างที่ท่านทำเอง ก็คือ หลวงปู่โตวัดระฆัง กับหลวงปู่ปานวัดบางนมโค
พระท่านราคาแพงจนจับไม่ติดแล้ว ลูกหลานที่อยากได้ไว้ก็ไม่มีปัญญาจะไปบูชาหามาได้ ท่านก็เลยต้องสงเคราะห์ให้ เอาพระใหม่ ๆ มา นึกถึงท่านด้วยความเคารพ#watthakhanun
บางคนที่รู้จักกัน เขาเอาพระสมเด็จวัดระฆังไปเข้าประกวด เจอเซียนกี่ราย ๆ ก็บอกว่าปลอม เขาก็ถอนของออกมา จะเดินทางกลับ ปรากฏว่าเซียนมาดักอยู่ตรงลานจอดรถ "พี่..ของพี่ปลอมได้สะเด็ดมาก ผมให้สามหมื่น จะเอาไว้ดูตัวอย่าง" ของปลอมให้ตั้งสามหมื่น เชื่อเขาดีไหม ? คือ เขาช่วยกันพูดคนละทีสองทีว่าเป็นของปลอม จากของดีกลายเป็นของปลอม ราคาถูกไปเลย
ตัวอย่างที่ชัดที่สุด นายกสมาคมพระเครื่องแห่งประเทศไทย เขาเช่าบูชาพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน ปี ๒๔๙๗ พิมพ์กรรมการ ราคา ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท ราคาแพงขนาดนี้เลย ถ่ายรูปลงหนังสือพิมพ์ อาตมาดูยังสวยสู้ของอาตมาไม่ได้ เลยส่งลูกศิษย์เอาไปแหย่ดูว่าให้ราคาเท่าไร
ปรากฏว่าเขาให้ ๑๐๐,๐๐๐ บาท..! แต่ของเซียนสวยสู้ไม่ได้ราคาตั้งสองล้านห้า ราคาเซียนไปโหดขนาดนั้น เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของพระเครื่อง ถ้าเราบูชาด้วยความเคารพ จะเก่าจะใหม่ก็เหมือนกัน เป็นอนุสติเหมือนกัน
ถ้าหากว่าเป็นภาพพระพุทธก็เป็นพุทธานุสติ ถ้าเป็นรูปพระสงฆ์ก็เป็นสังฆานุสติ อย่าไปคิดถึงมูลค่าทางการตลาด เพราะจะไปเจอ "การสวด" อย่างที่บอก พูดจากของดีกลายเป็นของปลอมเลย กำลังใจจะตกเสียเปล่า ๆ
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
คัดลอกข้อความมาจาก