หลวงพ่อบ๊ะอธิษฐานจิตพุทธาภิเษก (เปิด Auto ไว้ อธิษฐานบูชาได้เลย) ไม่มีคาถาสวดเฉพาะ
พิธีพุทธาภิเษก 18 สิงหาคม 2567
"...หลังจากนั้นก็เดินทางไปยังศาลาอเนกประสงค์พระราชพรหมยาน ซึ่งเป็นศาลาทำบุญเดิม แต่ว่าได้รับการปรับใหม่ทำให้ดูกว้างขวางขึ้นจากเดิมมาก เนื่องเพราะว่าในส่วนด้านหลังอาสนะสงฆ์ ที่เคยเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับจัดวางสิ่งของ หรือว่าให้ผู้ทำงานได้อยู่อาศัย โดนรื้อออกไปจนหมด แล้วเอาอาสนะสงฆ์ไปตั้งติดผนังเลย ทำให้สามารถรองรับผู้คนเพิ่มได้อีกเป็นร้อยคน..!
เมื่อไปถึงกระผม/อาตมภาพ พร้อมด้วยตุ๊พ่อสิงห์ และท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิ์ลังกา ก็ได้นั่งรับศรัทธาญาติโยม บอกกล่าวบางเรื่องที่ควรจะบอก และพยายามที่จะไม่บอกบางเรื่องที่ไม่ควรจะบอก จนกระทั่งทุกอย่างพร้อมแล้ว กระผม/อาตมภาพก็อาราธนาตุ๊พ่อสิงห์เข้าสู่ซุ้มสืบชะตา
เมื่อท่านนั่งเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็ออกมาจุดเทียน ไม่ว่าจะเป็นเทียนสัตตบริภัณฑ์ เทียนบูชาเทวดานพเคราะห์ เทียนค่าคิง เทียนมงคลซ้ายขวา แม้กระทั่งเทียนขันแก้ว ๕ โกฐากและเทียนธาตุ ๔ สำหรับผู้รับการสืบชะตา
คำว่าขัน ๕ โกฐากนั้นประกอบไปด้วยเทียน ๕ ต้น
เทียนต้นที่ ๑ แทนการบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุเจดีย์ทั่วทั้งสากลทวีป ตลอดจนกระทั่งต้นโพธิ์ทุกต้น
เทียนต้นที่ ๒ แทนการบูชาพระธรรม
เทียนต้นที่ ๓ แทนการบูชาพระอริยสงฆ์ทั้งหมด
เทียนต้นที่ ๔ บูชาครูอุปัชฌาย์อาจารย์
เทียนต้นที่ ๕ บูชาครูสอนพระกรรมฐาน
ดังนั้น..ถ้าท่านทั้งหลายสงสัยว่าเทียน ๕ โกฐากนั้นมีเอาไว้เพื่ออะไร ก็คือเพื่อบูชา ๕ ประการดังที่ได้กล่าวมานี้
แล้วกระผม/อาตมภาพก็ต้องนำเอาลูกแก้วอินทนิล ซึ่งได้รับมาเนิ่นนานแล้ว และแทบจะไม่ได้ใช้งานเลย เอามาประกอบในพิธีครั้งนี้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ทางด้านวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ได้จัดสร้างวัตถุมงคลหลายอย่างหลายประการด้วยกัน ที่จำได้ก็มีเบี้ยแก้ มีลูกอมเมฆสิทธิ์ มีพระปิดตาหนุนดวง มีพระกริ่งพิชัยสงคราม มีพระขรรค์ มี "ลูกแก้วอินทนิลน้อย"
กระผม/อาตมภาพไม่ได้คิดจะนำแก้วอินทนิลออกมาใช้งาน เนื่องเพราะว่าถ้าไม่มีคำสั่งจากท่านปู่พระอินทร์เจ้าของดวงแก้วก็จะไม่นำออกมาปรากฏว่างานนี้ท่านปู่พระอินทร์ท่านมากำกับด้วยองค์ท่านเอง จึงจำเป็นที่จะต้องนำออกมาตั้งเป็นองค์ประธาน
ระหว่างที่กราบอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหมด พรหมเทวดาทั้งหมด ก็ยังได้กราบเรียนสอบถามท่านปู่พระอินทร์ว่า ในเมื่อนำเอาแก้วอินทนิลมาประกอบอยู่ในพิธีจะมีอานุภาพอย่างไร ?
ท่านบอกว่านอกจากอานุภาพอื่นที่พระท่านอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้แล้ว ในส่วนของท่านก็คือสร้างความชุ่มเย็น ดับร้อนให้กับสถานที่ต่าง ๆ แล้วก็ทำภาพให้เห็นว่าท่านถือมหาสังข์เอาไว้ในมือ เทโปรยปรายน้ำมนต์ลงมาประดุจดังฝนตก ที่สร้างความสงบร่มเย็นให้กับทุกสถานที่ ถ้าหากว่าใครบูชาไป ก็ขอให้รำลึกถึงท่านปู่พระอินทร์ด้วย
เมื่อเสร็จพิธีแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้ทำการพรมน้ำพระพุทธมนต์ในวัตถุมงคลทั้งหมด พร้อมกับโปรยข้าวตอกดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา จากนั้นก็รีบเก็บแก้วอินทนิลอย่างเร่งด่วน เหตุเพราะว่าถ้ามีคนรู้เข้า เดี๋ยวก็จะไปรุมถ่ายรูปกันอีก
ต่อจากนั้นก็ได้มาทำการผูกข้อมือถวายให้กับตุ๊พ่อสิงห์ ซึ่งบรรดาพระเถระชาวล้านนาที่มาร่วมงานส่วนใหญ่ก็บอกว่า "ขอหื้ออยู่ร้อยซาวปี๋เน้อ" กระผม/อาตมภาพเองก็ได้แต่สั่นหัว เนื่องเพราะว่าตัวเองอายุแค่ ๖๐ กว่าปีก็ "แทบจะตะบันน้ำกิน" แล้ว รู้ดีว่าคนแก่นั้นลำบากขนาดไหนที่จะอยู่ อายุ ๘๐ กว่าปีนี้ก็แทบจะต้องลากสังขาร เดินก้าวหนึ่งหอบครั้งหนึ่งแล้ว ยังจะมาอวยพรให้อยู่ ๑๒๐ ปี แต่ก็แล้วแต่น้ำใจของท่านก็แล้วกัน
ระหว่างที่ผูกข้อมือก็กราบเรียนตุ๊พ่อว่า "กระผมขออนุญาตลากลับเลยนะครับ ไม่ได้อยู่ฉันเพลด้วย" แล้วก็กลับสู่อาสนะของตนเอง เมื่อพิธีการ "ฮ้องขวัญ" ซึ่งทำโดยพระครูปลัดฟลุก (พระครูปลัดธีร์นวัช ญาณสิทฺธิวาที) เจ้าอาวาสวัดยางกวง จังหวัดเชียงใหม่ เสร็จลงแล้ว ตุ๊พ่อสิงห์ก็ได้ถวายปัจจัยไทยธรรมให้กับกระผม/อาตมภาพ ซึ่งพอรับแล้วก็กราบลาพระประธาน พนมมือไหว้บรรดาพระเถรานุเถระทุกรูปรอบทิศ แล้วก็ตรงมาขึ้นรถ เดินทางออกจากวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่เลย
คาดว่าคืนนี้กว่าจะถึงที่พักก็คงจะดึกตามเคย แต่ว่าในระหว่างที่เดินทางอยู่ เมื่อถึงเวลาก็ต้องบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เพื่อให้ท่านทั้งหลายที่รอฟังอยู่จะได้มีเสียงธรรมเอาไว้ฟังทุกวันโดยไม่ขาดตอน.."
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๗
https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=10442
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com