(พระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน)
_____________________
พระอาจารย์เมตตากล่าวให้ฟัง
กระผม/อาตมภาพเข้าสู่สมาธิ กราบอาราธนาบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ เห็นรัศมีเป็นเส้นสีทองมหึมายาวเหยียดพุ่งมาตลอด ๕ ทิศ ปรากฏว่าเส้นแรกนั้นมาจากหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน (พระอารามหลวง) จังหวัดสมุทรปราการ
เส้นที่ ๒ มาจากหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม วรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา
เส้นที่ ๓ มาจากหลวงพ่อวัดบ้านแหลม (วัดเพชรสมุทร วรวิหาร) จังหวัดสมุทรสงคราม
เส้นที่ ๔ มาจากหลวงพ่อวัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี
เส้นที่ ๕ มาจากหลวงพ่อวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) จังหวัดนครปฐม นี้เอง
ทั้ง ๕ เส้นรวมกันเป็นเกลียวสีทองอร่ามใหญ่โตมาก แล้วก็พันรอบมณฑลพิธี รวบสูงขึ้นไปจนกลายเป็นเจดีย์ทองตระหง่านเต็มฟ้า หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสีทองอร่าม ครอบมณพลพิธีทั้งหมดเอาไว้..!
กระผม/อาตมภาพรีบกราบอาราธนาบารมีพระที่สงเคราะห์ว่า ขอให้ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ไปถึงวัตถุมงคลวัดท่าขนุน ก็คือพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดินด้วย เพราะว่านาน ๆ จะมีนิมิตลักษณะพิสดารแบบนี้ แปลว่าต้องมีอะไรดีแน่นอน
พระท่านบอกว่า พญานาคนั้นก็คือตัวแทนของผู้พิทักษ์พระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าในด้านร้ายก็เป็นภัยพิบัติได้อย่างหนึ่ง เนื่องเพราะว่าพญานาคนั้นมีกายใหญ่โต และมีฤทธิ์มาก ถ้าหากว่าสำแดงฤทธิ์ขึ้นมาเมื่อไร อาจจะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติได้ ดังนั้น..นิมิตที่เห็นนี้จึงหมายความว่า วัตถุมงคลรุ่นนี้ สามารถที่จะป้องกันภัยพิบัติได้ แล้วในขณะเดียวกัน สามารถที่จะช่วยผู้ที่เคารพนับถือ ในการป้องกันรักษาด้านต่าง ๆ อีกด้วย
กระผม/อาตมภาพกราบในบารมีพระที่ท่านเมตตาสงเคราะห์บอกกล่าว กำหนดใจจดจ่ออยู่ที่วัตถุมงคลของตนเอง ก็คือหลวงพ่อพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน ตั้งใจอาราธนาบารมีของท่านครอบคลุมลงไป จนกระทั่งกลายเป็นแก้วระยิบระยับ
----------------------------------------------
หลังจากฉันเพลแล้วก็ต้องมาไล่ตามกระทู้ ซึ่งไอ้ตัวเล็กเปิดตั้งแต่เช้ามืด โดยให้ร่วมบุญกฐินปลดหนี้ วัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นกฐินปลดหนี้ประจำปี ๒๕๖๘ โดยเปิดให้บูชาพระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน (พิมพ์ใหญ่) ซึ่งตอนแรก กระผม/อาตมภาพตั้งใจเอาไว้ว่าจะแบ่งปัจจัยส่วนหนึ่งไปถวายหลวงพ่อพระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ในงานฉลองหลวงพ่อโตวัดศรีธรรมโมทยะ ประเทศศรีลังกา
แต่ด้วยความที่ว่าได้เปิดกระทู้ให้ญาติโยมทั้งหลายร่วมบุญไปแล้ว ด้วยการนำเอาพระขุนแผนเกราะเพชรของวัดท่าขนุนที่เหลืออยู่ มาให้ท่านทั้งหลายได้ร่วมทำบุญ ซึ่งได้ปัจจัยไปประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ บาท บอกกล่าวกับท่านไปแล้วว่า ใกล้ปลายปีที่ท่านจะเดินทางไป กระผม/อาตมภาพจะโอนปัจจัยก้อนนี้ไปให้
พระสมเด็จคำข้าวมหาลาภปลดหนี้ ๒ แผ่นดิน (พิมพ์ใหญ่) รุ่นนี้ ที่ได้นำมาเพื่อออกในกระทู้กฐินปลดหนี้ของวัดน้อย (หลวงพ่อเนียม) ด้านหน้าจึงยังเป็นพระพุทธรูปศิลปะลังกาประจำสนามบินนานาชาติบันดรานายะเก ซึ่งเป็นสนามบินประจำกรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา ส่วนด้านหลังเป็นตราประจำองค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นทำหน้าที่ประธานรุ่นมา ๘ ปี เข้าปีที่ ๙ ในวันนี้แล้ว
เพื่อนฝูงที่เป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อ "ส่อง" ในเฟซบุ๊กแล้ว ก็พากันชมว่าออกแบบได้งดงามมากเป็นพิเศษ แต่กระผม/อาตมภาพไม่ได้ใส่ใจตรงความงดงามนั้น เนื่องเพราะว่าการสร้างพระทุกครั้ง ก็ตั้งใจให้ออกมางามที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะว่ากำลังใจของคน ถ้าเห็นพระงาม ๆ แล้ว ก็จะได้เกิดอนุสติ มีความรักชอบขึ้นมาเอง
แต่ว่างานนี้เนื่องจากว่าสภาพเศรษฐกิจก็ดี ภัยสงครามก็ดี ภัยธรรมชาติก็ตาม เกิดขึ้นทั่วโลก การปลุกเสกจึงต้องขอบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ให้เป็นพิเศษ ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าในวันปลุกเสกท่านจะให้อะไรบ้าง แต่เนื่องจากว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้ได้ผสมผงคำข้าว ซึ่งสร้างพระสมเด็จคำข้าว (วัดท่าขนุน) โดยได้รับการเสกเอาไว้ดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสกอีกก็ได้
แต่ด้วยความที่ว่าการที่เราจัดทำพิธีให้เห็นอย่างเป็นหลักเป็นฐาน เป็นงานเป็นการ จะสร้างความมั่นใจให้กับญาติโยมได้มากกว่า แล้วการตั้งเครื่องบวงสรวงครบชุด เมื่อถึงเวลายังสามารถที่จะกราบขอบารมีพระท่าน ให้สงเคราะห์ในสิ่งที่ไม่เกินวิสัยอีกด้วย กระผม/อาตมภาพจึงตั้งใจว่า จะทำการปลุกเสกวัตถุมงคลชุดนี้ ในช่วงปฏิบัติธรรมวันสงกรานต์ ๒๕๖๘ ของวัดท่าขนุน เสร็จแล้วถึงจะได้ให้ไอ้ตัวเล็กนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่สั่งจองต่อไป
กระผม/อาตมภาพเห็นหลายท่านเข้าไปจองแล้วก็น่าเสียดาย เนื่องเพราะว่าใช้เลขอารบิกบ้าง มีการแก้ไขในกระทู้การจองบ้าง เว้นวรรคไม่ถูกต้องบ้าง การแก้ไขกระทู้นั้นเป็นข้อห้ามขาดของทางวัดท่าขนุนเลย เนื่องเพราะว่าในรุ่นเก่า ๆ นั้น มีหลายท่านพอเห็นว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้จำหน่ายดีมาก ก็ย้อนกลับไปแก้ไขกระทู้ของตนเอง เพิ่มยอดขึ้นมา ทำให้บุคคลที่จองภายหลังนั้น ขาดสิ่งที่ตนเองต้องการไป ถือว่าเป็นการเอาเปรียบคนอื่น
ส่วนในเรื่องของการใช้เลขอารบิก หรือว่าเว้นวรรคไม่ถูกต้องนั้น ท่านทั้งหลายต้องให้อภัย เนื่องเพราะว่าเว็บไซต์วัดท่าขนุนเป็นเว็บไซต์สนับสนุนและอนุรักษ์การใช้ภาษาไทย ยูสเซอร์เนมหรือว่าชื่อแทนตัวของท่าน ต้องตั้งเป็นภาษาไทยที่มีคำแปลได้ตามพจนานุกรม
ถ้าหากว่าจะเป็นภาษาบาลี หรือว่าสันสกฤต ก็ต้องแปลได้ ไม่ใช่ไปแปลตามที่บรรดาหมอดูทั้งหลายมั่วมาให้ ซึ่งกระผม/อาตมภาพมั่นใจว่า เป็นผู้ที่รู้ศัพท์ภาษาบาลีและสันสกฤตมากพอ ๆ กับบุคคลที่ได้รับการศึกษามากโดยตรงก็ตาม บางทียังแปลไม่ออกเลย แต่เขาก็มั่วไปว่าแปลออกมาแล้วความหมายดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ ทำให้ภาษาไทยของเราวิบัติไปหมด โดยเฉพาะในปัจจุบัน ชอบตั้งชื่อยาก ๆ อย่างชนิดที่ไม่ได้เกรงใจนายทะเบียน หรือไม่ได้เกรงใจว่าเวลาที่เราเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษ แล้วชาวต่างชาติจะอ่านออกหรือไม่ ?
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านที่ทำผิดกฎของเว็บไซต์วัดท่าขนุน ก็จงรีบเข้าไปจองใหม่ก่อนที่วัตถุมงคลนั้นจะหมดลง ไม่เช่นนั้นแล้วท่านเองก็จะต้องชอกช้ำระกำใจ ไปซื้อหาต่อจากคนอื่นในราคาแพง ๆ ซึ่งสมัยก่อนมีการขายทั้ง ๆ ใบจองก็มี พูดง่าย ๆ ก็คือขายสิทธิ์ต่อโดยที่อยู่ในลักษณะ "เสือนอนกิน" เอาเงินส่วนหนึ่งมาจ่ายให้กับทางวัด แล้วส่วนต่างที่เหลือก็กลายเป็นกำไรเข้ากระเป๋าเอาง่าย ๆ โดยเฉพาะพระเนื้อทองคำ ทางวัดออกในราคา ๓๕,๐๐๐ บาท ท่านก็เอาไปปล่อยต่อในราคา ๑๒๐,๐๐๐ บาท..! เป็นต้น บรรดาผู้ที่มีเงินแต่ว่าจองไม่ทัน ก็ตามไปจ่ายเงินให้กับท่านทั้งหลาย โดยที่ไม่ได้ดูว่าราคาเลยทางวัดไปกี่เท่าตัว !?
เรื่องพวกนี้บางทีก็ต้องบอกว่า เป็นคราวเคราะห์กรรมของท่านทั้งหลายเองที่นิ่งนอนใจ ไม่ยอมสมัครเป็นสมาชิกของเว็บวัดท่าขนุน หรือว่าสมัครแล้วก็ไม่ยอมที่จะยืนยันตัวตน เกรงว่าข้อมูลจะรั่วไหล ทั้ง ๆ ที่ตั้งแต่ดำเนินการเว็บไซต์วัดท่าขนุนมา เรายังไม่เคยปล่อยให้ข้อมูลของใครรั่วไหลออกสู่สาธารณะเลย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านเองก็ได้แต่อ่านกระทู้ ไม่สามารถที่จะเข้าไปจองอะไรได้ หรือว่าเพิ่งจะสมัครมาแล้วก็เข้าไปจอง โดยที่ตนเองยังไม่ได้รับการยืนยันตัวตนจากทางเว็บไซต์ ท่านเองก็ไม่สามารถที่จะจองได้เช่นกัน ต้องบอกว่าความล่าช้า หรือว่าความนิ่งนอนใจของท่าน ได้ย้อนกลับมาทำร้ายท่านเองเท่านั้น
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๘
https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=10861
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน